ส่องพฤติกรรมเสี่ยง!!! 'อะนอเร็กเซีย'

ภัยร้ายสุขภาพ

อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกโรคของคนสมัยใหม่สำหรับ อะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา (Anorexia nervosa) กลุ่มอาการผิดปกติของการกิน ซึ่งในวันวานโรคดังกล่าวอาจจะยังไม่ได้ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางนัก

อะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา โรคนี้เกี่ยวข้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปเป็นค่านิยมของสังคมในยุคปัจจุบันซึ่ง ไม่นิยมความอ้วน อยากมีรูปร่างผอม วิตกกังวลหมกมุ่นกลัวอ้วนผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวจึงคลั่งไคล้ความผอมพยายามสารพัดวิธี ลดน้ำหนักทั้งการอดอาหาร ล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาระบาย ฯลฯ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เล่าถึงความอันตรายของโรคนี้ว่า โรคดังกล่าวเป็นกลุ่มอาการผิดปกติของการกิน กินน้อยเกินซึ่งจากที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวปรากฏข่าวคราวให้ติดตามอย่างที่เกิดขึ้นกับแวดวงนางแบบในต่างประเทศ แวดวงแฟชั่น กลุ่มวัยรุ่น ฯลฯ ซึ่งอยากจะมีรูปร่างผอม มีความคิดว่าผอมแล้วสวย

“โรคดังกล่าวสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากสภาพจิตใจที่ไม่มีความมั่นใจ ขาดความเข้มแข็ง เมื่อถูกทักหรือล้อเย้าแหย่ถึงความอ้วนก็อาจคิดว่ามีปมด้อยก็จะเกิดความรู้สึกเหล่านี้ซึ่งโรคดังกล่าวนี้พบในกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และการจะเรียกเป็นโรคจะต้องปรากฏอาการอย่างเช่น ทำให้ใช้ชีวิตปกติไม่ได้ มีความรู้สึกว่าถูก รบกวนจากอาการ”

ในกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ยอมรักษาน้ำหนักปกติ แม้จะ มีการกำหนดว่าสูงเท่านี้ควรจะหนักเท่าไรก็จะไม่พึงพอใจจะมีความต้องการลดน้ำหนักที่เกินพอดีด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร ออกกำลังกายหักโหม บางทีก็ใช้วิธีเมื่อรับประทานอาหารเสร็จจะล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาถ่าย ฯลฯ สรรหาสารพัดวิธีเพื่อทำให้น้ำหนักลดลง

ขณะที่อีกอาการคือ กลัวอ้วนมาก หมกมุ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องความอ้วนเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองมากเกินไป ไม่ว่าจะกินอะไรแม้จะเป็นเพียงนิดหน่อยก็จะมีความวิตกกังวลกลัวจะอ้วนซึ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสัญญาณที่ต้องพึงระวัง!

“อาการเหล่านี้เมื่อมีเกิดขึ้นก็จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารจะปรากฏอาการทางกาย ผมจะร่วง ประจำเดือนไม่มา หรือขาดหายไป และหากเป็นมากขึ้นโรคนี้สามารถทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องทันเวลา ทั้งนี้เพราะน้ำหนักจะลดลงเรื่อย ๆ ร่างกายซึ่งไม่สามารถรับอาหารได้อยู่แล้วกลุ่มเหล่านี้ก็จะ ผอมมากเหมือนหนังหุ้มกระดูก”

ความพอดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งไม่ว่าจะเป็นความอ้วนหรือความผอม หากเกินความพอดีก็คงจะไม่ดี คงต้องดูแลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่ง หลักในการพิจารณาถึงความอ้วนก็มีหลายวิธีทั้งการวัดเส้นรอบเอว วัดค่าดรรชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งวัดได้จากน้ำหนัก/ส่วนสูงยกกำลังสองซึ่งถ้าน้อยกว่า 18.5 ถือว่ามีน้ำหนักน้อย เกินไป แต่ถ้า 25 หรือ เกินจากนี้ไปก็อาจถือว่ามีความอ้วน

ในวิธีการคำนวณดังกล่าวใช้ได้เฉพาะ ในกลุ่มวัยรุ่น เด็กโต ส่วนเด็กเล็กแรกคลอดไปจนถึงเด็ก 10 ขวบ ไม่สามารถใช้เกณฑ์ ดังกล่าวนี้ได้ แต่อย่างไรแล้วโรคนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเด็กเล็กแต่จะพบในวัยรุ่นและผู้ใหญ่มากกว่า
ส่วนถ้าพบว่ามีความผอมผิดปกติก็คงต้องรักษาที่ต้นเหตุ คงต้องรับการรักษาโดยพบแพทย์เพื่อวินิจ ฉัยถึงสาเหตุความผอมว่ามาจากสิ่งใด อย่างเช่น ถ้ามีอาการเนื้องอกในสมอง โรคลำไส้ไม่สามารถดูดซึมได้ก็อาจทำให้ผอมผิดปกติได้ ก็คงต้องหาสาเหตุจากความผอมเหล่านั้น

แต่สำหรับโรคอะนอเร็กเซียเป็นเรื่องของความตั้งใจลดน้ำหนักไม่ได้เกิดจากโรค อย่างไรแล้วเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นอย่านิ่งนอนใจควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

“โรคดังกล่าวเป็นความตั้งใจจะลดน้ำหนัก วิตกกังวลกลัวอ้วน หมกมุ่นแต่เรื่องอ้วนจนมากเกินความพอดี การรักษาดังที่กล่าวคงต้องตรวจหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้อยากผอม หากพบว่ามีความตั้งใจลดน้ำหนักโดยไม่ได้เกิดจากโรค กลัวอ้วนมากโดยมีความกลัวฝังจิตใจมีพฤติกรรมชั่งน้ำหนักวันละหลายครั้ง กินอะไรนิดหน่อยก็มีความเครียดกลัวน้ำหนักขึ้น ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสัญญาณ ซึ่งในการรักษาจิตบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงทัศน คติเดิม จากที่เชื่อว่ายิ่งผอมยิ่งสวยนั้นไม่ใช่ให้เขาได้ยอมรับตนเอง รู้สึกถึงความมีคุณค่าจากภายใน”

การดูแลรักษาสุขภาพทั้งการรับประทานอาหารในแต่ละวันให้เพียงพอ ออกกำลังกายและพักผ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งในความอ้วนสาเหตุหนึ่งมาจากการบริโภคที่มากเกินพอดี ขณะเดียวกันก็อาจเกิดจากโรคได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะมีรูปร่างอย่างไรสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยควรมีจิตใจที่ดี ทั้งนี้เพราะคุณค่าของคนเรานั้นไม่ได้อยู่เพียงแค่รูปร่าง

แม้จะมีรูปร่างไม่สวยงามแต่หากมีคุณงามความดี มีจิตใจงดงามก็จะเป็นความงามที่คงทน ควรภาคภูมิใจในคุณค่าของตนมากกว่าให้ความสำคัญกับภายนอกเน้นแต่เรื่องของรูปร่าง แพทย์ท่านเดิมกล่าว.

@@@ เคล็ดลับสุขภาพดี @@@

'กระถิน' ผักริมรั้วมากสรรพคุณ

กระถิน เป็นผักริมรั้วบ้านที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะปลูกง่าย ทนความแล้งได้ดี แถมดอกยังมีกลิ่นหอมอบอวลอีกด้วย คุณแม่บ้านมักชอบเก็บมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ยำยอดกระถิน หรือนำไปลวกหรือกินสดจิ้มกับน้ำพริกก็ให้รสชาติดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญคุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า ทั้งดอก ใบ และรากของกระถินนั้นล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณเป็นยาช่วยรักษาโรคได้ทั้งสิ้น

กระถินเป็นไม้พุ่มยืนต้น อยู่ในตระกูลถั่ว สูงประมาณ 1.5-5 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น ออกสลับใบย่อยออกเป็นคู่ 5-20 คู่ มีขนาดเล็กรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบมน ดอกสีขาวนวลกลมฟู ออกเป็นช่อตามซอกใบบริเวณปลาย กิ่ง มีกลิ่นหอม ฝักออกเป็นพวง ฝักอ่อนแบนตรงสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดง เมล็ดสีเขียว เมื่อแก่จัดเป็นสีน้ำตาล มีชื่อเรียกทั่วไปว่า กระถินน้อย กระถินบ้าน ภาคกลางเรียกว่า กระถินไทย กระถินดอกขาว ภาคอีสานเรียก กะเสด ภาคตะวันตกเรียก กระถินบ้าน ภาคเหนือเรียก ผักก้านถิน และ ภาคใต้เรียก สะตอเทศ แสดงให้เห็นว่า กระถิน เป็นไม้ที่ขึ้นง่าย โตเร็ว มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดีมาก เพราะขึ้นได้ทุกภาคของประเทศไทย ชาวบ้านสามารถเก็บยอดขายหรือกินได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วง ฤดูฝนยอดอ่อน จะกรอบอร่อยมากที่สุด

ส่วนคุณค่า ทางอาหารนั้น สำหรับยอดกระถินอ่อน 100 กรัม ให้พลังงาน 80.7 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 3.8 กรัม แคลเซียม 137 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 7,883 IU.วิตามิน(บี 1) 0.33 มิลลิกรัม วิตามิน (บี 2) 0.09 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม เราสามารถ นำยอดอ่อน ใบอ่อน ฝักอ่อน และเมล็ดอ่อน มากินเป็นผักสดกับน้ำพริก ส้มตำ ขนมจีน แกงที่มีรสจัด และกินคู่กับหอยนางรมสด ทำให้เนื้อหอยมีรสชาติหวานยิ่งขึ้น โดย ใบกระถิน มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง บำรุงสายตา ดอก บำรุงตับ ราก ขับลม ขับระดูขาว เป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ด ใช้ถ่ายพยาธิตัวกลม ใบและเมล็ด แก้โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แก้ท้องร่วง และ ฝัก ใช้เป็นยาฝาด

เห็นสรรพคุณมากมายขนาดนี้แล้วอย่าลืมเลือกรับประทานผักกระถินเพิ่มอีกชนิดหนึ่งเพื่อสุขภาพที่ดี หรือใครจะปลูกไว้รับประทานเองก็ได้เพราะเป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกง่ายทนแดดทนฝนได้ดีค่ะ.

@@@ สรรหามาบอก @@@

- โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ร่วมกับบริษัทโนวาร์ตีส (ประเทศไทย) ขอเชิญผู้สนใจตรวจสุขภาพฟรีเนื่องในวัน เบาหวานโลก ใน วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา 07.00-16.00 น. ณ ห้องเทพธารินทร์แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 17 อาคาร ไลฟ์สไตล์ บิวดิ้ง รพ.เทพธารินทร์ สนใจลงทะเบียนร่วมงาน โทร. 0-2248-2000 ต่อ 261-262

- นิตยสารรักลูก ร่วมกับ จอห์นสัน เบบี้ คลับและโรงพยาบาลเจ้าพระยา ขอเชิญร่วมกิจกรรมสาธิตหัวข้อ “พลังเล่น...สร้างสมองลูก เสริมจินตนาการ” ใน วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา สำรองที่นั่ง โทร. 0-2913-7555 ต่อ 3522, 3531 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

- โรงพยาบาลพญาไท 2 ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่เข้าร่วมสัมมนา “สร้างส่วนสูงก่อนจะสาย และภาวะหนุ่มสาวก่อนวัย” โดย พญ.นวลผ่อง เหรียญมณี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่อมไร้ท่อและการเจริญเติบโต ในวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 9 (ฝั่งใหม่) อาคารจอดรถ 1 โรงพยาบาลพญาไท 2 (สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนหน้างาน 30 ท่านแรก รับหมอน ผ้าห่ม ฟรี) สำรองที่นั่ง โทร. 1772

- โรงพยาบาลศิครินทร์ ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์และผู้สนใจทุกท่านร่วมงาน “สัมผัสรัก สู่ลูกน้อยในครรภ์” และร่วมกิจกรรม เวิร์กช็อป โยคะเพื่อครรภ์คุณภาพของแม่ช่วยปรับสมดุล พร้อมเทคนิคการดูแลทารกแรกคลอด ใน วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 เวลา 08.00-12.00 น. ณ อาคาร นวัตกรรม โรงพยาบาลศิครินทร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1728 ต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์.
ทีมา เดลินิวส์