ยุคสมัยนี้ เรียกได้ว่า “ความเครียด” แทบจะกลายเป็นโรคประจำตัวของหลาย ๆ คนเข้าไปทุกที ทั้งเรื่องในครอบครัว สังคม หรือ แม้กระทั่งภัยธรรมชาติ สร้างความวิตกได้ง่าย ๆ แต่หากจะนั่งทุกข์ท้อใจคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะความกังวลไม่ได้แวะมาวันเดียว หากแต่จ้องจะเข้ามาใกล้ชิดเราโดยไม่ทันตั้งตัวอยู่บ่อย ๆ ดังนั้น การรู้เท่าทันความเครียด และหาทางจัดการอย่างเหมาะสม ต่อให้ต้องเผชิญอีกกี่ครั้ง ก็มีทางออก
ลองผ่อนปรน ลดความคาดหวัง หรือ ปรับมาตรฐานความพึงพอใจของตนเองให้ต่ำลง เพื่อปล่อยชีวิตได้ยืดหยุ่นบ้างตามแต่ละสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงการคิดอย่างยืดหยุ่นด้วย โดยยึดทางสายกลาง รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา มองสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบด้านหลายมุม ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การคลายเครียดอย่างยั่งยืน
นอกจากนั้น การฝึกมองโลกด้านบวก มองเห็นด้านดีของเหตุการณ์ มองในมุมที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีมากกว่าแย่ ยังเปรียบเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกันให้ใจ สร้างพลังที่ดี และกำลังใจใหม่ เมื่อจิตแจ่มใส เข้มแข็ง จะส่งผลดีต่อปัญญาในการคิดแก้ปัญหา หรือ รับมือกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เป็นการลดระดับความเครียด และกดดันลงได้
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่หลายคนบอกว่าช่วยจัดการความเครียดได้ดี นั่นคือ ยามเย็นหลังเลิกงาน หรือ วันว่างสุดสัปดาห์ ลองทำกิจกรรมตรงข้ามกับงาน เช่น หากนั่งนาน ๆ อาจคลายเครียดด้วยการเคลื่อนไหวร่างกาย หากเดินบ่อย อาจคลายเครียดด้วยงานอดิเรกเบา ๆ นิ่ง ๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ถือเป็นตัวช่วยหนึ่งในการพาตัวเองออกจากสภาพตึงเครียด และปรับสมดุลให้ชีวิต
คีย์สำคัญอีกอย่าง คือ การเติมจิตให้กว้าง ปล่อยวางบ้าง โกรธน้อยลง อย่านำเรื่องไร้สาระมาเป็นอารมณ์ พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบคอบก่อนสรุป จิตใจก็จะเบาสบายขึ้น ชีวิตเครียดน้อยลง
ปัญหาผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไป เครียดอย่างพอดี-จัดการอย่างเหมาะสม เมื่อนั้นปัญหาก็ไม่ยากเกินควบคุม.
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
