10 ข้อบังคับใจสาวเรา ให้หาเงินเก่ง-เก็บเงินอยู่!

สาวเราสมัยนี้ แม้จะยังโสดสด หรือแต่งงานแล้ว ก็มักไม่ได้แค่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หากแต่ยังต้องทำงานนอกบ้าน เป็นเวิร์กกิ้งวูเมน ที่ต้องหาเงินเก่ง และเก็บเงินอยู่!!

เราจึงนำเสนอ 10 ข้อเพื่อบังคับเตือนใจว่า เงินแต่ละบาทที่คุณหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงน่ะ ควรจะวางแผนจัดสรรอย่างไร ดูแลแบบไหน ให้งอกเงย และลงตัว แถมเป็นสมบัติติดกายไปได้น้านนาน
ข้อ 1 : มุ่งมั่น รักษาเครดิตของตัวเอง

หากคุณคือ อีกคนที่ใช้จ่ายเงินแบบเดือนชนเดือน ค่าจ้างออกมาเท่าไหร่ ก็กด ATM ใช้จนหมด ไม่เคยเหลือไว้ประดับบัญชีละก็ รีบเปลี่ยนให้ด่วนจี๋เลยค่ะ เพราะการทำเช่นนั้นมันคือ การลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของตัวเองอย่างน่าใจหาย

สิ่งที่ควรทำคือ พยายามรักษาระดับเงินฝาก และเงินคงเหลือในบัญชีให้เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เช่น ฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากอย่างต่อเนื่อง หรือเหลือเงินติดบัญชีเงินเดือน (บัญชีที่เงินเดือนของคุณโอนเข้ามา) ไว้ทุกเดือน เป็นการแสดงให้เห็นว่า รายรับในแต่ละเดือนของคุณมีมากกว่าค่าใช้จ่าย ถือเป็นอีกวิธีสำคัญที่ช่วยรักษาเครดิต (credit - ฐานะทางการเงิน) เอาไว้เผื่อในอนาคต ต้องการซื้อรถ ผ่อนบ้าน หรือกู้เงินมาลงทุนใดๆ ธนาคารผู้ให้กู้จะได้เชื่อถือและเชื่อมั่น ว่าคุณสามารถหาเงินมาผ่อนเขาได้ไงล่ะ

ข้อ 2 : ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เริ่มสำรวจว่า ในชีวิตประจำวันและประจำทุกเดือนของคุณมีค่าใช้จ่ายใด ที่จริงๆ แล้ว มันไม่จำเป็นเล้ย.. แต่คุณก็ควักกระเป๋าจ่ายอยู่ตลอด เมื่อพบแล้วให้หาทางตัดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นออกจากชีวิตเสีย โดยการกำหนดเป้าหมายไว้ให้ชัด เช่น ต้องลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 1 ใน 4 ของค่าใช้จ่ายเดิม แล้วนำเงินค่าใช้จ่ายที่ลดได้นั้นมาเก็บไว้เป็นเงินออม แม้ช่วงแรกอาจจะยากนิด จึงต้องทำใจแข็งหน่อย แต่เชื่อเถอะว่า ลองทำสัก 6 เดือน ตัวเลขเงินฝากในบัญชีของคุณ จะเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ จนน่าภูมิใจเชียวหล่ะ

ข้อ 3 : ไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

หลายคนไม่รู้ตัว ว่าการดำเนินชีวิตประจำวันในแบบที่คุณคุ้นเคย อาจเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายได้โดยไม่รู้ตัว อาทิ ไปไหนใกล้ๆ ก็ต้องใช้แท็กซี่ นั่งวินมอเตอร์ไซด์ ลองหันมาเดิน ได้ออกกำลังกาย แถมประหยัดทรัพย์ดีกว่ามั้ย?

แม้แต่พฤติกรรม ตระเวนช้อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้ในห้างสรรพสินค้าหรู ซึ่งต้องนั่งรถขับรถไปหลายกิโลฯ นี่ก็อีกตัวการที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตคุณเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ลองเปลี่ยนมาช้อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ต (supermarket) ใกล้บ้านดูบ้างสิ ประหยัดค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าขนม ที่ต้องใช้ระหว่างไปช้อปปิ้งตามห้างฯไกลโพ้นตั้งเยอะ!

ข้อ 4 : อย่าเหนียมอายที่จะประหยัด

สาวๆ หลายคนอาจมีความหวาดหวั่นในระยะแรก ที่จะต้องจัดการระบบการเงินของตัวเอง ด้วยการประหยัด รัดเข็มขัดเรื่องค่าใช้จ่าย กลัวถูกมองว่า ‘งก’ หรือเค็มเกินเหตุ แต่เชื่อเถอะว่า ความรู้สึกเหล่านั้นจะหมดไป เพียงแค่คุณได้ลองเริ่มต้น แล้วคิดเสียว่า เวลาคุณจน ไม่มีใครมาจนร่วมกับคุณนี่คะ!

ข้อ 5 : ตั้งกองทุนส่วนตัว ไว้ใช้ยามขัดสน

เปิดบัญชีส่วนตัวขึ้นมาสัก 1 บัญชี แล้วกันรายได้ส่วนหนึ่งของคุณเก็บไว้ในบัญชีนั้น อาจสัก 5-20% ของรายได้ทุกเดือน เพื่อเตรียมความพร้อมในยามฉุกเฉิน อาทิ ยามเจ็บไข้ได้ป่วย หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติบังเกิด ไม่ว่าจะเป็นลมพัดแรงทำหลังคาปลิว, กระจกแตก, ท่อประปารั่ว ฯลฯ ท่องไว้ว่าทุกสิ่งไม่แน่นอน เหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้นได้เสมอ ต้องเตรียมใจ เตรียมกำลังทรัพย์ไว้แก้ไขสถานการณ์ให้พร้อม จะได้ไม่ต้องบากหน้าไปกู้หนี้ยืมสินให้อับอาย แถมเสียดอกเบี้ยโหดๆ ให้เจ้าหนี้อีกต่างหาก

ข้อ 6 : ตกลงเรื่องเงินให้ชัด เมื่อคิดแต่งงาน

ถือเป็นอีกสิ่งที่ต้องวางแผนไว้ในระยะยาว เพื่อให้ชีวิตการเงิน และชีวิตรักของคุณมั่นคง

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ ร่วมหอลงโรงกับชายหนุ่มสักคน คุณและว่าที่เจ้าบ่าวควรมีการพูดคุยเรื่องของหนี้สินก่อนสมรสให้เข้าใจตรงกัน ..รถที่คุณผู้ชายซื้อต้องผ่อนอีก 30 งวด นั้น คุณต้องร่วมรับผิดชอบด้วยมั้ย? เรื่องนี้สำคัญค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ครอบครัวของคุณครองรักกันได้อย่างราบรื่น ไร้ปัญหาเรื่องเงินมาบั่นทอนจิตใจแล้ว ยังทำให้คุณสามารถคาดคะเน การจับจ่ายใช้สอย และวางแผนการเงินภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดีด้วย

ข้อ 7 : ประเมินอัตราเงินเดือนตัวเองอย่างเหมาะสม

มนุษย์ทุกคนย่อมมีคุณค่าในตัวเอง ไม่เว้นกระทั่งมนุษย์เงินเดือนอย่างคุณ ดังนั้นเคล็ดลับเด็ดประการที่ 7 ซึ่งจะทำให้คุณวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาดได้ คือ การรู้จักประเมินคุณค่าของตัวเอง ว่าความสามารถของคุณอยู่ในระดับไหน และควรจะได้รับค่าตอบแทนเท่าไหร่

นั่นหมายถึง หากคุณยังได้เงินเดือนน้อย อันเนื่องมาจากขาดประสบการณ์และความสามารถ คงต้องหมั่นฝึกฝนให้ช่ำชอง จะได้มีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นเงินเดือนตัวเองให้มากขึ้น แต่หากคุณเชื่อมั่นว่า ความสามารถของคุณ ควรจะได้รับค่าตอบแทน ที่มากกว่าเงินเดือนที่ได้รับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วล่ะก็
อย่าลังเลที่จะหาหนทาง ทำให้คุณได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะกับความสามารถ ถึงแม้จะต้องเสี่ยงลาออกจากที่เดิมๆ แต่ถ้าคิดแล้วว่าคุณเจ๋งพอ มีความสามารถถึงก็ควรกล้าลุย เพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีกว่า

ข้อ 8 : ไตร่ตรองสักนิด ก่อนให้ใครยืมเงิน

มันไม่ดีนักหรอก ที่คุณจะกลายเป็นฝ่ายสินเชื่อเคลื่อนที่ ให้ใครต่อใครได้หยิบยืมเงินตลอดเวลา เคยได้ยินมั้ยล่ะ กระทั่งเพื่อนรักก็หักเหลี่ยมโหดกันได้ เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่แหละ

แต่เข้าใจค่ะ บางคนใจดีเป็นแม่พระ ใจกว้างเป็นมหาสมุทร ต้องการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ อันนี้ก็มิได้ห้าม แค่เพียงกระตุ้นเตือนไว้นิด ว่าขอให้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ ว่าการหยิบยืมเงินในครั้งนั้นๆ มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ผู้ยืมมีความจำเป็นแค่ไหน ที่สำคัญ คุณจะได้เงินของคุณคืนจริงมั้ย ถ้าเสียงหัวใจคุณบอกว่ายืมไปโดนเบี้ยวแน่ล่ะก็ ..อย่าทำใจอ่อน มือไว ควักเงินออกจากกระเป๋าไปให้เขาง่ายๆ ล่ะ

ข้อ 9 : ทาช่องทางลงทุนอย่างคุ้มค่า

อย่าได้กลัวกับเรื่องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล สลากออมทรัพย์ หุ้น ฯลฯ เพราะการลงทุน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เงินของคุณงอกเงยขึ้นมาได้ ทว่าคุณต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนว่า การลงทุนนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่ จงลงทุนในสิ่งที่คุณคิดว่าคุ้มค่า และทำให้ได้ผลลัพธ์กลับมาอย่างน่าพอใจ

ข้อ 10 : วางแผนการเงินระยะยาว ด้วยประกันชีวิต

หลายคนที่มีครอบครัวแล้วมักห่วงลูกน้อย ไม่อยากให้ลำบาก หากคุณต้องประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จึงเลือกลงทุนด้วยการประกันชีวิต ที่สามารถยกผลประโยชน์ให้กับบุตรของตนเองได้

แม้การประกันชีวิตจะเป็นการวางแผนด้านการเงินอีกวิธี ที่น่าสนใจไม่น้อย ทว่าก่อนตัดสินใจ คุณก็ต้องพิจารณารายละเอียด ข้อบังคับของกรมธรรม์ให้ถ้วนถี่ เพราะระเบียบของประกันชีวิตหลายแห่ง มักมีการระบุว่า แม้ผู้ทำประกันจะเสียชีวิตลง แต่ทายาทจะยังรับผลประโยชน์ไม่ได้จนกว่าจะอายุครบ 18 ปี ดังนั้นคุณอาจต้องวางแผน หาผู้รับเงินประกันคนใหม่ ที่มั่นใจได้ว่า จะสืบทอดเจตนารมณ์ ดูแลลูกของคุณได้กระทั่งถึงวันรับผลประโยชน์ หรือไม่ก็หากรมธรรม์ประกันชีวิต ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากกว่า
เรียบเรียงจากไชน์
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์