ยืดกล้ามเนื้อแก้ปวดหลัง

ยืดกล้ามเนื้อแก้ปวดหลัง
เมื่อรู้สึกปวดหลัง วิธีบำบัดเบื้องต้นที่ไม่ควรมองข้าม คือ การบริหารกล้ามเนื้อ เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง

ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของคุณเอง ก่อนที่จะหันไปรับประทานยาแก้ปวด หรือพบแพทย์เพื่อรักษา

เริ่มจากการนอนหงาย งอเข่าขึ้นตั้งฉาก แขนทั้งสองข้างวางแนบกับพื้น หายใจเข้าและออกลึก ๆ 5-10 ครั้ง จากนั้นดึงเข่าข้างหนึ่งขึ้นมาชิดหน้าอก ค้างไว้ 5 วินาที ทำสลับกับขาอีกข้าง จนครบ 10 ครั้ง แล้วดึงเข่าทั้งสองข้างให้ชิดหน้าอกพร้อมกัน ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง ต่อด้วยการเอียงเข่าท้องสองข้างไปทางด้านซ้ายเพื่อบิดสะโพก ค้างไว้ 5 วินาที สลับกับข้างขวา ทำจนครบ 10 ครั้ง

ยังอยู่ในท่านอนหงาย โดยยกขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วเกร็งขายกค้างไว้ 5 วินาที เอาขาลงแล้วยกขาอีกข้างทำสลับกันไป 10 ครั้ง แล้วกลับสู่ท่านอนหงาย ชันเข่าขึ้นตั้งฉาก แอ่นหลังแล้วเกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ 5 วินาที (ซึ่งช่วงก้นยังต้องติดพื้น) ผ่อนลงช้า ๆ จนหลังแนบพื้นนาน 5 วินาที จึงแอ่นหลังขึ้นมาใหม่ทำซ้ำเช่นเดิม 10 ครั้ง

ส่วนการยืดกล้ามเนื้อช่วงสะโพกและเชิงกราน ก็ให้นอนหงาย งอเข่าตั้งฉาก แล้วยกหลังและสะโพกขึ้นจากพื้นให้มากที่สุด เกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ ลดระดับลงจนหลังและสะโพกแนบพื้น ทำซ้ำเช่นเดิม 10 ครั้ง

ต่อด้วยการนอนหงาย ชันเข่าตั้งฉาก ยกศีรษะขึ้นพร้อมกับเกร็งหน้าท้อง แล้วใช้มือแตะที่เข่า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเดิม ทำจนครบ 10 ครั้ง

ยังมีท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังโดยตรง เริ่มจากคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโน้มลำตัวไปด้านหน้า เหยียดมือทั้งสองข้างแตะพื้น จากนั้นจึงแอ่นหลังพร้อมกับเงยหน้าขึ้นค้างนาน 5 วินาที ทำสลับกับการโก่งหลังและก้มคอลงจนครบ 10 ครั้ง

สเต๊ปต่อมายังอยู่ในท่าคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโน้มลำตัวไปด้านหน้า เหยียดมือทั้งสองข้างแตะพื้น แต่ให้เหยียดยืดขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง เกร็งค้าง 5 วินาที ทำสลับกับอีกข้างจนครบ 10 ครั้ง ทั้งนี้สามารถเพิ่มการยืดเหยียดที่แขน ขณะยืดขาไปด้านหลังให้ยกแขนข้างตรงกันข้ามขึ้นสูงค้างไว้แล้วยกลงพร้อมกับขา

เปลี่ยนเป็นการนอนคว่ำ ช่วงเขาแนบติดพื้น แล้วแอ่นหลังขึ้นจากพื้นนับ 5 วินาที ผ่อนลงนอนราบท่าเดิม จนครบ 10 ครั้ง จากนั้นยกขาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นให้มากที่สุดค้าง 5 วินาที สลับกับขาอีกค้างให้ครบ 10 ครั้ง สุดท้ายในท่านอนคว่ำหน้า ให้ยกศีรษะพร้อมช่วงอกขึ้นจากพื้นให้มากที่สุดค้างไว้นาน 5 วินาที 10 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม การบริหารกล้ามเนื้อตามสเต๊ปข้างต้น ไม่ควรทำอย่างรีบร้อนและรุนแรง หากอาการปวดกลับเพิ่มมากขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

รู้ทันโรค ปัจจัยกระตุ้นภูมิแพ้

รู้ทันโรค ปัจจัยกระตุ้นภูมิแพ้
เหตุที่หลายคนเป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง ก็เพราะไลฟ์สไตล์การดำรงชีวิต อย่างการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยพรมหรือวัสดุผ้า รับประทานอาหารจานด่วน ไม่ออกกำลังกาย
บ่อยครั้งคุณผู้อ่านคงได้รับรู้ว่าคนรอบข้างป่วยเพราะ โรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เป็นโรคดังกล่าวเสียเอง ไม่ขยันทำความสะอาดบ้าน ...เหล่านี้นำพาปัจจัยเสี่ยงกระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้กำเริบขึ้น

เริ่มจาก ไรฝุ่น แมลงตัวจิ๋วมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซุกซ่อนอยู่ตามเครื่องนอน ตุ๊กตา เฟอร์นิเจอร์ผ้า ชอบความอุ่นชื้น ส่วนที่ทำให้เกิดภูมิแพ้นั่นคือโปรตีนจากตัวไรฝุ่น และมูลของไรฝุ่น ซึ่งป้องกันปัจจัยนี้ได้เพียงเลือกใช้ผ้าคลุมเครื่องนอนที่มีช่องว่างระหว่างเส้นใยเล็กมากจนตัวไรฝุ่นไม่สามารถเข้าไปอาศัยหรือปล่อยมูลทิ้งไว้ได้ ทั้งหมั่นซักผ้าปู-หุ้มเครื่องนอนทุกสัปดาห์ด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียส นานครึ่งชั่วโมง รวมทั้งทำความสะอาดห้องนอน อย่าให้มีฝุ่นและรก ส่วนเครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นได้ส่วนหนึ่ง

ต่อมาคือ ซากของแมลงสาบ ทั้งหน้าเกลียด ชวนขยะแขยง มักพบตามภาชนะที่มีเศษอาหารเหลืออยู่ ดังนั้นควรรักษาความสะอาดโดยรอบที่พักอาศัย อย่าปล่อยให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ กำจัดเศษอาหารทันทีและปิดฝาถังขยะให้มิดชิด นำไปวางนอกบ้าน

ส่วน สัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่นิยมเลี้ยงดูกันในบ้าน หรือให้ขึ้นมานั่ง นอนด้วยกันนั้น ต้องระวังสารก่อภูมิแพ้ สำหรับแมว มีทั้งรังแค ขน น้ำลาย ซีรั่ม และปัสสาวะ ส่วนสุนัขเกิดได้จากรังแค ขน และน้ำลาย โดยทั้งหมดเป็นอนุภาคเล็ก เคลื่อนที่ได้และล่องลอยไปตามอากาศ อยู่ได้นานถึง 6 เดือน แม้จะย้ายสัตว์ต้นเหตุออกไปแล้ว วิธีรับมือคือต้องทำใจ งดเลี้ยงสัตว์หากเป็นภูมิแพ้ หากเลี่ยงได้ต้องอย่าคลุกคลีมากเกินไป การติดเครื่องกรองอากาศจะช่วยในเรื่องของการลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่ล่องลอยในอากาศ

ยังมีการแพ้สปอร์ของเชื้อรา โดยเชื้อราในธรรมชาติมีทั้งในบ้าน-นอกบ้าน มักอยู่ในที่อับชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือบริเวณที่มีใบไม้ร่วงทับถมกันมาก จึงควรเลี่ยงการนำต้นไม้ใส่กระถางมาปลูกในบ้าน เก็บกวดใบไม้ที่ร่วง ทำความสะอาดห้องน้ำทุกซอกทุกมุมอย่าให้เกิดรา ตู้เย็นก็ต้องไม่ปล่อยให้เหลือน้ำละลายแล้วขังตัวอยู่ รวมหมั่นเปิดห้องรับแสงแดดให้อากาศถ่ายเท

ปัจจัยจากละอองเกสรหญ้าและวัชพืช เป็นอีกสาเหตุที่เกิดจากละอองเกสรเล็กๆ เบา ๆ ปลิวไปตามลม และแพร่กระจายไปได้ไกล แม้จะไม่มีพืชชนิดอยู่อยู่ในบ้านก็หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่พอมีช่องทางป้องกัน โดยในช่วงตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี จัดเป็นช่วงที่มีการกระจายตัวของเกสรมาก เพราะฉะนั้นในระยะเวลาดังกล่าว จึงควรปิดประตูและหน้าต่าง ส่วนบ้านที่มีสนามหญ้าควรหมั่นตัดหญ้าและกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม ยังมี อาหารบางชนิด เช่น ไข่ขาว นม แป้งสาลี ถั่ว ถั่วเหลือง อาหารทะเล เหล็กในของผึ้งหรือต่อ รวมทั้งยาบางประเภท และยางพารา ยังเป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้ เพื่อลดอาการไม่ประสงค์ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น.

takecareDD@gmail.com
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Health Magazine จากโรงพยาบาลเวชธานี

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ผมสวยด้วยสมุนไพรในครัวไกล้ๆตัว

ผมสวยด้วยสมุนไพรในครัว
นอกจากใช้รับประทาน ยังนำมาใช้ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี
สมุนไพรใกล้ตัว ปลูกริมรั้วที่บ้าน ที่สำคัญสมุนไพรพวกนี้ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ เพราะธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีสารเคมีมาเจือปนให้รำคาญใจ

แต่ก่อนอื่นต้องวิเคราะห์ว่า เรามีปัญหาอะไร?
ผมร่วง เชิญทางนี้
ใครที่ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ สระทีผมหลุดออกมาเป็นกระจุก ปล่อยไว้เสี่ยงหัวล้านแน่ รีบหาน้ำมันมะกอกมาทาผมให้ทั่วแล้วนวดศีรษะทำสักพักค่อยล้างออกด้วยสบู่ หรือแชมพู ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่เกิน 1 เดือนผมจะค่อย ๆ หยุดร่วง

รังแค กวนใจไม่หยุดหย่อน
เมืองไทยคงไม่มีวันมีหิมะตกแน่ ๆ เพราะฉะนั้นใครมีรังแค ไหนจะเสียบุคลิก ไหนจะคันแย่ แนะนำผลมะคำดีควายทุบพอแหลก ต้มในน้ำให้เดือด นำน้ำที่ได้สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะทำให้หนังศีรษะสะอาด ป้องกันการเกิดรังแค แถมแก้โรคชันตุได้อีกด้วย
ส่วนใครที่มีอาการคัน ให้นำว่านหางจระเข้ปลอกเปลือก เอาแต่ส่วนที่เป็นวุ้นมาบดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เวลาสระผมให้ขยี้วุ้นว่านหางจระเข้ทาให้ทั่วผมทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที ล้างออกให้สะอาด ช่วยบำรุงหนังศีรษะ ลดอาการคันได้ชะงัด

ยี้ มีเหามารังควาน
สูตรเดิมที่เคยรู้ใบน้อยหน่ายังใช้ได้อยู่ เด็ดมาสัก 8 ใบ โขลกให้ละเอียดผสมน้ำ ทาผมให้ทั่ว เอาผ้าคลุมทิ้งไว้สักครึ่งชม.ค่อยล้างออก สระผมตามอีกครั้ง แต่ระวัง! น้ำน้อยหน่าเข้าตา ขอเตือนว่าแสบมาก
ใครไม่มีใบน้อยหน่าแนะนำให้ใช้ใบสะเดาแก่ ๆ แทนได้ วิธีการเหมือนกันเป๊ะ

นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรอีกมากที่เป็นประโยชน์กับเส้นผมและหนังศีรษะ ต่อไปก่อนซื้อแชมพู อ่านส่วนผสมก่อนว่ามีที่เราต้องการหรือยัง ?

ผมมัน : เลือกสารสกัดจากธรรมชาติ พวก แตงกวา กระเพรา เบอร์กามอท และจูนิเปอร์ ช่วยลดความมันเยิ้มของหนังศีรษะ เส้นผมหลีบแบนได้
ผมแห้ง : เลือกสารสกัดจากดอกกล้วยไม้ กระเพรา โสม ขิง ช่วยให้ผมแห้งเสียกลับมามีน้ำหนัก สปริงตัวสวยอีกครั้ง
ผมแตกปลาย : เกิดจากใช้แชมพูที่มีกรดหรือด่างมากเกินไป เลือกสารสกัดจากตะไคร้ น้ำมันมะกอก ลูกมะกรูด ลดอาการแตกปลายได้
ผมธรรมดา : นับว่าเป็นคนโชคดีสุด ๆ แต่ต้องไม่ลืมบำรุงสม่ำเสมอ ไม่งั้นสภาพผมอาจแย่ได้ เลือกที่มีสารสกัดดอกฮอลลี่ฮ็อก กระเพรา อัญชัน มะกรูด ช่วยให้ผมดกดำ เงางามยิ่งขึ้น

เห็นไหมว่า สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เจ๋งจริง.

ขอบคุณ ข้อมูลจากเว็บสมุนไพรดอทคอม


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ผมหงอกยิ่งถอนยิ่งขึ้นจริงหรือไม่

ผมหงอกยิ่งถอนยิ่งขึ้นจริงหรือไม่
เชื่อหรือไม่ว่าการถอนผมหงอกจะทำให้ยิ่งมีผมหงอกเพิ่มมากขึ้น วันนี้เรามีคำตอบในเรื่องนี้มาฝาก
ความเชื่อในเรื่องของการถอนผมหงอกแล้วจะยิ่งทำให้ผมหงอกขึ้นจนทั่วศีรษะ ความจริงแล้วรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอนก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้นจะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก ดังนั้น การที่ยิ่งถอนยิ่งหงอก จึงเป็นไม่เป็นความจริง แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้น คงจะมาจากปัจจัยอื่นมากกว่า

การป้องกัน ก่อนที่จะหงอกก่อนวัย ควรดูแลผมให้ดกดำด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์จากวิตามินบี ,ไบโอติน และสังกะสี เช่น งาดำ, ข้าวกล้อง, ตับหมู, ปลาเนื้อขาว และแครอท เป็นต้น หรือถ้าหงอกมากแล้วไม่สบายใจ ควรเลือกการย้อมผมดำแทนก็ได้

รู้อย่างนี้แล้ว หันมาดูแลไม่ให้มีผมหงอกก่อนวัยกันจะดีกว่า.



ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วิธีปฏิบัติเมื่อแพ้อากาศ

วิธีปฏิบัติเมื่อแพ้อากาศ
หากโรคแพ้อากาศกำเริบจะทำอย่างไร วันนี้เรามีวิธีปฏิบัติมาแนะนำ
โรคแพ้อากาศหรือโรคภูมิแพ้จมูก เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก ผู้ป่วยจะมีอาการ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะในคอ เลือดกำเดาไหลบ่อย และอาจพบอาการคันตา แสบตา คันหู หูอื้อ ซึ่งอาการเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับสิ่งกระตุ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ฝุ่น ละอองเกสรของพืช ไรฝุ่น และขน

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคแพ้อากาศ ให้หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ตัวไร ในฝุ่น เชื้อราในอากาศ แมลงสาบ ยุง แมลงวัน และมด โดยห้องนอน ต้องจัดให้มีของอยู่น้อยที่สุด เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด ส่วนหมอนต้องนำมาตากแดดบ่อยๆ และควรนำเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีขน เช่น แมว สุนัข ไว้ภายนอกบ้าน ที่สำคัญคือ พยายามหลีกเลี่ยงละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ทุกชนิด

ระวังสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ โดยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเหล้า งดสูบบุหรี่ และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ส่วนทางด้านจิตใจระวังอย่าให้เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป

ควรล้างจมูกอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำเกลือ เนื่องจากสามารถลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในจมูกได้วิธีการล้างจมูก คือ ให้ผสมน้ำต้มสุก 500 ซีซี ( ครึ่งลิตร ) กับเกลือ 1 ช้อนชา แล้วเทลงในแก้วจากนั้นดูดด้วยสลิ้งค์ โดยให้ผู้ป่วยก้มหน้ากลั้นหายใจ พร้อมบีบน้ำเข้าไปในรูจมูกช้าๆ แนะอย่าให้ผู้ป่วยแหงนหน้า เพราะจะทำให้สำลักน้ำเกลือ จากนั้นให้ผู้ป่วยสั่งน้ำมูก

ความรุนแรงของโรคแพ้อากาศมีไม่มาก แต่รักษาให้หายขาดยาก หากควบคุมอาการของโรคไม่ดีอาจลุกลามกลายเป็นโรคหอบหืด จนอาจทำให้เสียชีวิต เนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้ดูได้.


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์