'อิเกีย' ของแต่งบ้านเคาะราคาก่อนดีไซน์

สำหรับคนที่ชอบชอปปิงสินค้าแต่งบ้าน เชื่อเหลือเกินว่าสินค้าบุคลิกสมถะอย่าง “อิเกีย” (IKEA) แบรนด์ดังจากสวีเดน คงไม่รอดหูรอดตาไปอย่างแน่นอน กว่าจะเป็นสินค้าแต่ละชิ้นที่ออกมามีเบื้องหลังการทำงานอันเด่นชัดคือต้องเริ่มเคาะราคาให้ผลิตภัณฑ์ก่อนจะใส่ดีไซน์โดยเน้นประโยชน์ใช้สอยให้คุ้มค่าและมีคุณภาพนั้น เพราะต้องการให้ผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกเข้าถึงสินค้าได้ง่าย เมื่อปริมาณการซื้อมากราคาขายย่อมต่ำลง นั่นคือช่องทางการตลาดโดดเด่นที่อิเกียใช้เป็นหลักในการทำธุรกิจตลอด 60 กว่าปี ปัจจุบันอิเกียมี 316 สาขาทั่วโลก เดือนพฤศจิกายนปีนี้ อิเกีย พร้อมจะเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ในย่านบางนาภายใต้พื้นที่ 43,000 ตร.ม. จัดว่าเป็นสาขาใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดีไซเนอร์สินค้าสำหรับเด็ก แอนนา เอฟเวอร์ลุนด์ สาวใหญ่หัวใจเด็กวัย 58 ปี บินลัดฟ้ามาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองและผลิตภัณฑ์

แอนนา มีผลงานออกแบบโดดเด่นที่หาได้ในบ้านทุกหลังทั่วโลกเวลานี้คือ ไม้แขวนเสื้อเด็ก โดยถูกออกแบบไว้เมื่อ 30 กว่าปีก่อน และโคมไฟอ่านหนังสือที่ใช้หลอดแอลอีดี กินไฟแค่ 3 วัตต์ มีส่วนช่วยลดการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ครึ่งโรง เมื่อนำสินค้าที่ผลิตออกมามารวมกัน ตลอดจนดีไซน์ให้โคมไฟหักงอได้ มีระบบไม้หนีบที่สามารถนำไปใช้ ณ มุมไหนของบ้านได้ง่าย และผลงานชิ้นโบแดง Famnig Hjarta หมอนรูปหัวใจที่มีแขนยื่นออกมา จัดอยู่ในหมวดสินค้ามียอดขายถล่มทลาย ทั้งที่เป็นเพียงอุบัติเหตุทางการผลิตตุ๊กตาหมีในโรงงานที่ประเทศอินเดียเมื่อปี ค.ศ. 1997 เกิดความผิดพลาดที่ตาของตุ๊กตาหมีหลุดก่อนเวลา

อิเกียสั่งเรียกสินค้าจำนวน 2 ล้านชิ้นกลับมาทั้งหมด ส่งผลให้คนงาน 600 คนในอินเดียต้องตกงาน แอนนาถูกเรียกมาแก้ปัญหาทันที แม้ว่าในช่วงนั้นเธอจะพักร้อนอยู่ก็ตาม หมอนดังกล่าวถูกผลิตขึ้นเพื่อสร้างงานให้ชาวอินเดีย แต่ในทางตรงกันข้ามสินค้าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างมาก จนต้องเพิ่มคนงานเพื่อผลิตให้ทันออร์เดอร์

ดีไซเนอร์ผู้นี้ทำงานอยู่กับอิเกียมานานถึง 32 ปี เธอเล่าย้อนไปในวัยเด็กว่า จัดอยู่ในกลุ่มเด็กหลังห้องเรียนแย่ จนมักถูกพ่อที่มีอาชีพวิศวกรเรียกว่า “เจ้าเด็กโง่” เด็กหญิงแอนนาไม่ชอบอ่านหนังสืออย่างแรง เมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยเธอเลือกเรียนด้านการออกแบบอุตสาหกรรม ส่วนความช่างคิดสร้างสรรค์ที่บันเจิดในทุกวันนี้ น่าจะได้ดีเอ็นเอของคุณย่าที่เป็นนักร้องโอเปร่าและคุณปู่ที่เป็นจิตรกร

หลังเรียนจบปริญญาตรีแอนนาเลือกไปทำงานในประเทศบราซิล แต่เธอก็ค้นพบว่าที่นั่นไม่เหมาะกับเธอจึงตัดสินใจกลับมาสวีเดน ด้วยเหตุผลที่น่ารักว่า “กลับมาหาผู้ชายสวีเดนดีกว่า” ทันทีที่กลับจากบราซิล ในปี ค.ศ. 1980 อิเกียคือบริษัทแรกที่เธอสนใจอยากทำงานด้วย แอนนาใช้วิธีเข้าไปถามบริษัทว่าจะรับเธอเข้าทำงานไหม ถ้ารับเธอสามารถส่งสินค้าเข้าโกดังของอิเกียได้ทันที ถ้าไม่รับเธอจะเอาของเหล่านี้ไปขายให้คนอื่น

แอนนาบอกว่า เธอชอบระบบการทำงานของอิเกีย ซึ่งตั้งอยู่เมือง แอมฮุลท์ เมืองที่ได้ชื่อว่ายากจนสุดของสวีเดน เมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่ 80,000 คน ประชาชน 35,000 คนทำงานในบริษัทอิเกีย ดีไซเนอร์ของอิเกียมีทั้งหมด 900 คน มี 12 คนที่ทำงานเต็มเวลาอยู่ที่บริษัท ส่วนที่เหลือจะเดินทางไปยังหลาย ๆ ประเทศเพื่อแสวงหาไอเดีย สำหรับแอนนาเธอชอบอินเดียและประเทศไทย ทั้งสองประเทศช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานให้เธอได้เป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1994 เธอใช้เวลา 4 เดือนอยู่เมืองไทย จนสามารถออกแบบของเล่นได้กว่า 100 ชิ้น หัวใจสำคัญของการออกแบบอิเกียอีกด้านหนึ่งคือ ต้องเริ่มต้นที่วัถตุดิบที่มีก่อน ไม่ได้ออกแบบของตามความต้องการของผู้บริโภคเสียทีเดียว

รูปแบบการทำธุรกิจของอิเกียที่จะเป็นวิถีปฏิบัติของดีไซเนอร์ จะต้องเข้าไปดูวัตถุดิบจากแหล่งโรงงานนั้น ๆ เพื่อให้ทราบถึงวิธีการผลิต และนำมาประยุกต์เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ ได้โจทย์มาว่าลูกค้าต้องการโต๊ะขนาดเล็กราคาย่อมเยา เมื่อดีไซเนอร์เข้าไปยังโรงงานผลิตประตูและบานประตู จึงได้แนวคิดที่จะผลิตโต๊ะข้างที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ โดยใช้กระดาษแข็งแบบกระดาษลังเป็นแกน แล้วประกบบนล่างด้วยแผ่นไม้ที่บางเฉียบแต่แข็งแรง วิธีการผลิตนี้เรียกว่า เทคนิค board–on-frame ด้วยเทคนิคการผลิตนี้ทำให้โต๊ะรุ่น LACK มีน้ำหนักเบา ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ ราคาสบาย ขนย้ายสะดวก โต๊ะรุ่นนี้มียอดขายสูงมาก

นอกเหนือจากการดูวัตถุดิบแล้วยังต้องลงไปศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย “เราย้ายฐานการผลิตไปที่เซี่ยงไฮ้ ทำให้ใกล้ชิดกับชาวจีนมากขึ้น ความต้องการเหล่านี้ท้ายที่สุดนำไปเป็นไอเดียไปออกแบบผลิตภัณฑ์” แอนนาว่า นั่นคือโอกาสที่จะพัฒนาเฟอร์นิเจอร์ อย่างที่รู้เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่ที่จำกัดจำเขี่ยของพื้นที่เมื่อรู้ว่ารสนิยมความต้องการของคนจีน สินค้าที่ผลิตออกมาย่อมขายได้มากตามจำนวนประชากรที่มากสุดในโลกขณะนี้สินค้าของอิเกียจะขายเฉพาะที่ช็อปของอิเกียเท่านั้น แตกต่างจากสินค้าของแต่งบ้านยี่ห้ออื่น ลาร์ส สเวนสัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ได้รับอนุญาตบริหารจัดการสาขาอิเกียในประเทศ ไทย ให้เหตุผลว่าแม้ประเทศไทยจะมีปัญหาด้านการจราจร สินค้ายี่ห้ออื่นเลือกกระจายสินค้าไปตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเพื่อตอบสนองลูกค้าทั่วทุกมุมเมือง แต่อิเกียไม่มีนโยบายเช่นนั้น แต่ชูจุดเด่นที่เหนือกว่า คือลูกค้าสามารถเดินเข้ามาในร้านอิเกียแล้วสามารถได้สินค้ากลับบ้านในวันนั้น โดยเฉพาะสินค้าชิ้นใหญ่ อาทิ โซฟา ตู้ โต๊ะ เตียง เพราะมีสต๊อกอยู่แล้ว และการออกแบบที่ฉลาดจนทำให้สามารถหอบหิ้วกลับบ้านได้ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ภายในร้านอิเกียได้มีการจัดโชว์รูมสินค้าขนาดใหญ่เพื่อเกิดแรงบันดาลใจในการเลือกสรรสินค้าแต่งบ้าน และมีพื้นที่ส่วนของเด็ก samaland ที่มีร้านอาหารของเด็ก ใช้จานช้อนสำหรับเด็กให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับครอบครัว

ภายใต้ปรัชญาที่ว่าจะสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนทั่วไป ในทุก ๆ วัน อิเกียจึงทำตัวเองให้มีเรื่องราวมากกว่าสินค้าแต่งบ้าน.

article@dailynews.co.th
ที่มา เดลินิวส์

เรียนรู้ชีวิตสไตล์ "ตูบ" เพื่อความสุขที่ยั่งยืน

หากเอ่ยถึงเพื่อนสี่ขาที่ได้รับการยอมรับจากสังคมมนุษย์มากที่สุดตั้งแต่อดีตกาลจนมาถึงปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น "สุนัข" หลาย ๆ คนซาบซึ้งกับความซื่อสัตย์ จริงใจ และความเป็นเพื่อนที่ดีที่สุนัขตัวหนึ่งจะมอบให้กับเจ้านายของมัน ซึ่งความดีเหล่านี้เองที่สามารถทำให้ผู้เป็นนายยอมให้อภัยมันได้แม้มันจะป่วนจนข้าวของของคุณพังยับเยิน
จากความจงรักภักดีสไตล์ "เจ้าตูบ" จึงทำให้นักเขียนรายหนึ่งในวงการหนังสือของสหราชอาณาจักร "มร.ไรอัน โอเมียรา" หยิบยกข้อดีของการมีชีวิตแบบตูบ ๆ มาสู่หนังสือแนวพัฒนาตนเองชื่อ "Clever Dog" เพื่อให้คำแนะนำถึงสิ่งที่เพื่อนรักสี่ขาของมนุษย์กำลังสอนมนุษย์ให้เข้าถึงความสุข และเติมเต็มความต้องการต่าง ๆ ในชีวิต โดยภายในหนังสือของ มร.ไรอัน ได้กล่าวถึงคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้สุนัขเข้าถึงความสุขเอาไว้ดังนี้ค่ะ

ตูบเป็นเพื่อนที่ดี

บ่อยครั้งที่มนุษย์ไม่สามารถแยกแยะระหว่างเพื่อนกินกับเพื่อนตาย แต่ในสุนัข เราพบความจริงใจ และความซื่อสัตย์ มันรักคุณไม่ว่าคุณจะตกอับ ต้องนอนใต้สะพาน หรือเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก นั่นทำให้สุนัขมีพื้นที่พิเศษกว่าสัตว์ตัวไหน ๆ ในสังคมมนุษย์

ในฐานะมนุษย์ เราสามารถเลียนแบบสุนัขได้โดยการคบหาเพื่อนด้วยความจริงใจ อยู่เคียงข้าง และให้กำลังใจเขาเหมือนอย่างที่สุนัขทำนั่นเอง

ตูบเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

สุนัขเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีการตัดสินใจที่ดี และรวดเร็ว ยกตัวอย่างจากเหตุกาณณ์สึนามิที่ถล่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2547 สุนัขที่อาศัยอยู่ริมทะเลรู้สึกได้ถึงมหันตภัยที่กำลังจะมาถึง มันจึงรีบวิ่งหนีไปก่อนที่คลื่นลูกแรกจะเข้าปะทะชายฝั่ง อย่างไม่มีการลังเล ไม่ต่างกับสุนัขตำรวจ ทันทีที่มันตรวจพบสารเสพติดหรือระเบิด มันจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล

มร.ไรอันกล่าวว่า มนุษย์เองก็มีญาณหยั่งรู้เหล่านี้เช่นกัน แต่ในหลาย ๆ ครั้งเราก็ละเลยที่จะเชื่อคำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาในใจ ยกตัวอย่างเช่น รายการเกมเศรษฐีที่เคยฮิตติดลมบนมาระยะหนึ่ง หลายครั้งที่ผู้เล่นเกมมีคำตอบของคำถามนั้น ๆ ผุดขึ้นมาตั้งแต่ต้น แต่ทันทีที่ตัวเลือกอีก 3 ตัวที่ปรากฏขึ้น ผู้เล่นก็จะเริ่มไตร่ตรอง วิเคราะห์โจทย์ วิเคราะห์คำตอบ สุดท้ายคุณก็ไขว้เขวจนตอบผิดจนได้

ตูบมุ่งมั่นอดทน

บรรพบุรุษของทั้งมนุษย์และสุนัขที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาต่างรู้วิธีที่จะเอาตัวรอด นั่นก็คือ พวกเขาต้องแก้ปัญหาในชีวิตต่าง ๆ ให้ได้ เช่น จะหาอาหารได้ที่ไหน และจะหลบเลี่ยงศัตรูได้อย่างไร ความสามารถในการแก้ปัญหาคือคำตอบว่า เขาจะต่อชีวิตตนเองออกไปได้ หรือว่าจะตายเสียจากอุปสรรคที่ได้เผชิญ ซึ่งผลการศึกษาจากห้องทดลองพบว่า สุนัขมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาค่อนข้างสูง มันจะไม่เลิกราจนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ยกตัวอย่างเช่น หากมีภารกิจให้มันพยายามเอาอาหารออกจากกล่องปริศนา สุนัขสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งยั่วยุอื่น ๆ ที่อาจทำให้มันไขว้เขวได้

การยึดสุนัขเป็นแบบอย่างอาจทำให้มนุษย์เรามีความอดทน พยายามที่จะแก้ไขปัญหาของตนเองให้ลุล่วงมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

ตูบสนใจแต่ปัจจุบัน

ในข้อนี้ มร.ไรอันได้ยกตัวอย่างกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่เป็นเพียงเด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเขาต้องอาศัยอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารนานหลายวันกว่าจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือออกมาได้

"แต่ละวัน เด็ก ๆ กลุ่มนี้เล่นเกมนั่งนับหยดน้ำที่หยดลงมา หรือหาเกมอื่น ๆ ที่น่าสนใจมาเล่นกัน พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายมาได้เพราะพุ่งความสนใจไปที่เหตุการณ์ปัจจุบัน มากกว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้ว นั่นจึงทำให้จิตใจของพวกเขาสามารถทนทานต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และนี่ก็คือแนวทางที่สุนัขเลือกใช้ชีวิตเช่นกัน"

"ผมเคยเห็นสุนัขเกรย์ฮาวนด์ที่มีเพียงสามขากำลังเดินเล่นอยู่กับเจ้าของ ท่าทางของมันดึงดูดใจผมมากตรงที่ มันไม่แสดงอาการใด ๆ ที่บ่งบอกว่ามันต้องกังวลกับความเปลี่ยนแปลงของโลกเลย หางของมันแกว่งไปมา บอกว่ามันมีความสุขที่สุด ซึ่งเป็นชีวิตที่ต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง มนุษย์เราส่วนหนึ่งมักเก็บเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว และกลับไปแก้ไขไม่ได้มาทำให้ตนเองทุกข์ใจ หรือไม่ก็กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงอยู่เสมอ"

"หากเราต้องการมีความสุขเหมือนเจ้าตูบตัวนั้น เราคงต้องลองใช้ชีวิตโดยตั้งสมาธิให้อยู่กับปัจจุบัน แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป" มร.ไรอันกล่าวพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยว่า

"สุนัขทราบดีว่าชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า และใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่เรามักมองไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิต บ่อยครั้งที่เราโต้เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น เถียงกับเพื่อนบ้านเรื่องที่จอดรถ ดีดไฟสูงใส่รถคันที่วิ่งกินเลนมาเพียงเพราะเราคิดว่าเราขับมาถูกเลน หากเราลด ละ เลิก เรื่องไร้สาระเหล่านี้ได้ เราก็จะมีเวลาสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น และทำให้โลกเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย"

ใครที่กำลังทุกข์ใจกับสารพัดปัญหาในเมืองไทยตอนนี้ จะลองนำข้อคิดของการใช้ชีวิตแบบตูบไปปรับใช้ดูก็คงไม่เสียหลายค่ะ

เรียบเรียงจากเดลิเมล
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

10 เคล็ดลับหุ่นเฟิร์มช่วงหน้าร้อน

ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่สาวๆ จะได้อวดผิวสวย หุ่นเฟิร์ม แต่ถ้ายังไม่มั่นใจกับรูปร่างของตัวเอง เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับเพื่อช่วยให้หุ่นเฟิร์มโดยแทบไม่ต้องเสียเหงื่อ

ข้อแรกคือปิดทีวีและออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะทานอาหาร เพราะทีวีและคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องดึงดูดความสนใจไปจากอาหารที่ทานอยู่ ดังนั้นหากทานอาหารไปด้วย ดูทีวีหรือใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย คุณก็จะจำไม่ได้ว่าทานอะไรไปมากแค่ไหน และจะทำให้หิวเร็วขึ้น
ดื่มอย่างระมัดระวัง ยิ่งอากาศร้อนใครๆ ก็อยากดื่มอะไรเย็นๆ ชื่นใจกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกน้ำหวานต่างๆ ทั้งชาเย็น กาแฟเย็น โกโก้เย็น หรือน้ำอัดลมที่ดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่นคลายร้อน แต่ก็มีน้ำตาลและแคลอรี่ที่สูงตามมาด้วย ดังนั้นจึงควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่น้อย เช่น น้ำผักผลไม้ที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือใส่น้ำตาลน้อยๆ หรือดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ จะดีที่สุด

พักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอน 6 ชั่วโมงต่อวัน และต้องเป็นการนอนที่มีคุณภาพ คือนอนหลับสนิท โดยเฉพาะผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้ไขมันลดลง และรู้สึกหิวน้อยลงด้วย

ทานอาหารเผ็ดๆ เพราะจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญอาหาร นอกจากนี้การทานอาหารเผ็ดๆ ยังทำให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่าทานอาหารที่มีรสชาติอ่อน ๆ

วางแผนการทานอาหารอย่างจริงจัง กำหนดว่าจะทานอาหารเมื่อไหร่ และทานอะไรบ้าง เพื่อจะได้มีเป้าหมายในการทาน ที่สำคัญไม่ควรทานขนมหวาน แต่ให้ทานผลไม้แทน

สวมชุดที่เปิดเผยเนื้อตัวบ้าง เพราะจะได้ช่วยให้ตระหนักว่ารูปร่างตัวเองเป็นอย่างไร จำเป็นต้องลดน้ำหนักมากแค่ไหน และการสวมชุดที่รัดรูปหรือเปิดเผยเนื้อตัวก็จะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง เพราะต้องระวังว่าเนื้อจะล้น หรือต้องคอยแขม่วพุงนั่นเอง

อย่าให้รองเท้าออกกำลังกายแทน เนื่องจากรองเท้าดีๆ มักจะช่วยผ่อนแรงในการออกกำลังกาย และการเผาผลาญแคลอรี่ก็จะน้อยลงเมื่อเทียบกับการสวมรองเท้าสำหรับวิ่งธรรมดาๆ ออกกำลังกายในเวลาเท่ากัน ดังนั้นควรเลือกแค่รองเท้าที่ช่วยลดแรงกระแทกก็เพียงพอ

หลีกเลี่ยงอาหารสำหรับลดน้ำหนัก ที่มีตัวอักษร "ol"อยู่ท้ายส่วนประกอบ เช่น "sorbitol" เพราะจะทำให้ท้องอืด นอกจากนี้หมากฝรั่งแบบชูการ์ฟรี หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ก็ต้องระวังดูส่วนประกอบไม่ให้มี "ol" ท้ายชื่อเช่นกัน

ดื่มกาแฟ เนื่องจากคาเฟอีนจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ แต่ห้ามดื่มกาแฟที่ใส่น้ำตาลมากๆ และมีคาราเมลหรือวิปครีม เพราะจะยิ่งทำให้น้ำหนักขึ้นมากกว่าเดิม

เป็นเรื่องง่ายที่จะเลิกควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่การอดทนลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จกลับเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงต้องเพิ่มแรงจูงใจให้กับตัวเอง โดยตั้งเป้าหมายว่าต้องมีหุ่นที่เฟิร์ม แต่แบบไหนถึงจะเรียกว่าเฟิร์มล่ะ? วิธีเช็คไม่ยาก แค่ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด แล้วกระโดดขึ้นลงหน้ากระจก ถ้าเท้าสัมผัสพื้นแล้วส่วนที่ไม่ควรกระเพื่อมเช่น หน้าท้อง ต้นแขน ยังกระเพื่อมอยู่ คุณต้องฟิตหุ่นได้แล้ว

dnshopaholic@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

ไม่ขับถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น?

การขับถ่ายมีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทราบไหมว่า ถ้าปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนถึง 7-9 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาทำงานของกระเพาะอาหาร แล้วยังไม่ได้ขับถ่าย แถมอาหารเช้าก็ไม่ได้กิน จะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อถึงเวลาที่กระเพาะอาหารทำงาน เพื่อนำอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แล้วไม่มีอาหารที่ควรทานตอนเช้าเข้าไปย่อย อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ไม่ขับถ่ายออก จะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ มาที่กระเพาะอาหาร ในอุจจาระเก่าพวกนี้จะมีแก๊สที่เสียแล้ว แก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดไม่สะอาด เมื่อเลือดเหล่านี้ไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ร่างกายก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษเหล่านี้ไปด้วย

ผลกระทบที่มีต่อร่างกายก็คือ ก่อนเที่ยงถึงบ่ายจะง่วงนอน เนื่องจากหัวใจได้รับเลือดที่ไม่สะอาดไปหล่อเลี้ยง จึงอ่อนล้าและไม่สดชื่น และจะมีกลิ่นตัวและกลิ่นปาก เพราะปอดจะขับสิ่งสกปรกที่ได้รับออกทางผิวหนังและลมหายใจ

หรือถ้าไม่ยอมขับถ่ายในตอนเช้าให้เป็นกิจวัตรนานๆ เข้า เป็นระยะเวลาหลายปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมอง แถมยังไม่ทานอาหารเช้าในช่วงเวลานั้นอีก สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำจะเสื่อมเร็ว

รู้อย่างนี้แล้ว ควรฝึกการขับถ่ายในตอนเช้าให้เป็นลักษณนิสัย และเห็นความสำคัญของอาหารเช้า เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง.
ที่มา เดลินิวส์

“นอน”ดับเครียด-ลดอ้วน?!

มีผลวิจัยของศูนย์อนามัยในต่างประเทศ ชี้ว่า การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือน้อยกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อรวมกับอารมณ์เครียดที่มากเกิน จะส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งผลการศึกษานี้ ได้ทดลองกับกลุ่มอาสาสมัครทั้งชาย และหญิงที่มีน้ำหนักเกินปกติ เกือบ 500 คน ในเวลา 26 สัปดาห์

โดยกลุ่มที่หลับไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงทุกคืน และมีภาวะความเครียดน้อย พบว่า มีแนวโน้มที่น้ำหนักจะลดลงอย่างน้อย 4 กิโลกรัม ทั้งนี้ ภาพรวมน้ำหนักลดลงเฉลี่ย 6 กิโลกรัม

ทั้งนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” มีวิธีช่วยนอนหลับง่าย ๆ และคลายความเครียดมาบอก

เริ่มจากตรวจสอบความเครียดจากลมหายใจ หาก “หายใจถี่เร็ว” มักมาพร้อมกับความเครียด ดังนั้น อาจลองทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือออกกำลังกายแบบไทชิ จะช่วยฝึกการ “หายใจลึก และยาว” ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และลดความเครียดได้

ต่อด้วยห้องนอนควรเงียบ มีม่านบังแสงรบกวนสายตา หรือใช้ผ้าปิดตาเวลานอน

สุดท้ายเลี่ยงการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายก่อนนอน

“เพียงยามดึกนอนให้พอ ยามเช้าสดใสไม่เครียด” ก็สามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ไม่ยาก.
takecareDD@gmail.com
ที่มา ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

การออกแบบที่ว่างสำหรับเด็ก

การออกแบบสำหรับเด็ก ๆ นั้นต่างกับการออกแบบประเภทอื่นอย่างไร ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเด็กก่อนดีกว่า ถ้าเรามองดูช่วงอายุของเด็กในแง่การออกแบบแล้วไม่ได้มีการแยกแยะอย่างจริงจัง เราแบ่งตามช่วงวัยเรียน วัยเด็กก็คือช่วงอายุในวัยประถมจนถึงประมาณมัธยมต้นและมีความแตกต่างจากวัยรุ่น ในช่วงวัยรุ่นนั้นหลายคนอาจมีหลายอย่างที่แตกต่างไปจากสมัยเด็กโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นการออกแบบสำหรับเด็กนั้นย่อมต้องให้ความสำคัญในรายละเอียดให้มาก เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนอนุบาลปาลินา (ติวานนท์) บริหารโดยคุณปารวดี หงษ์ประยูร ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมต่อเด็กทางด้านพัฒนาการ ความปลอดภัย ประโยชน์ใช้สอย และสุนทรียภาพ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก อาทิ

1. ออกแบบอาคารให้ไร้เหลี่ยม ในส่วนเสาและผนังปูนต่าง ๆ จะให้มนกลม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการที่เด็กวิ่งเล่น

2. ห้องเรียนออกแบบให้เด็กสามารถพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านร่างกายและสมอง อย่างเช่นผนังห้องเรียนมีวอลเปเปอร์ ภาพการ์ตูน ภาพสัตว์ต่าง ๆ ภาพต้นไม้ เป็นต้น

3. พื้นสนามเด็กเล่นมีลวดลายสีสันสดใส

4. ลูกขึ้นบันไดจะเตี้ยและลูกนอนจะใหญ่มากขึ้นเพื่อป้องกันเด็กลื่นล้มในการขึ้นลงบันได

5. ประตูเข้า-ออกห้องเรียนมีสองทาง คือมีทางด้านหน้าห้องเรียนและหลังห้องเรียน

6. รางกันตกระเบียงสูงประมาณ 120 เมตร เพื่อป้องกันเด็กปีนป่าย

7. ไม่มีประตูห้องส้วมเพราะสามารถมองเห็นเด็กที่อยู่ข้างในห้องได้ หากเกิดอุบัติเหตุก็สามารถช่วยเหลือได้ทันที

8. สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะมีขนาดที่เหมาะสมสำหรับเด็กเพื่อสะดวกในการใช้สอย

9. ระบบสระว่ายน้ำใช้ระบบเกลือ เพราะถ้าใช้แบบคลอรีน เด็กบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้

นอกจากห้องเรียนและการใช้ชีวิตโรงเรียนแล้ว ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่จะพบเด็ก ๆ เหล่านี้ในพัฒนาการการเรียนรู้ต่อไปคือการเรียนพิเศษเพิ่มเติม ขอแนะนำ Brain School สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 8 ฝั่งสำนักงาน บริหารโดยคุณครูผึ้ง

มีห้องเรียนจำนวน 6 ห้องในพื้นที่ประมาณ 170 ตารางเมตร ออกแบบมาเพื่อพัฒนากระบวนการความคิดของเด็ก ๆ อย่างเป็นระบบโดยออกแบบประตูห้องเรียนหลากสี เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ในการเข้าเรียน ผนังถูกตกแต่งด้วยลวดลายสีสันสดใสน่ารัก ทั้งนี้มุมภายในห้องเรียนถูกลบเหลี่ยมลบมุมด้วยคิ้วพลาสติกสำเร็จรูปเพื่อป้องกันอันตรายอันเกิดจากเด็กวิ่งเล่นซุกซน ส่วนห้องน้ำในเซ็นทรัลลาดพร้าว ในโซนชั้นเรียน จะมีห้องที่มีไว้สำหรับเด็กโดยเฉพาะ

ปัจจุบันในบ้านเรามีกฎหมายบังคับใช้เหมือนต่างประเทศมากขึ้นในการออกแบบสำนักงาน ห้างร้านต่าง ๆ ปั๊มน้ำมันและพื้นที่สาธารณะทั่วไป จะต้องมีพื้นที่และสัดส่วนให้เหมาะสมกับเด็ก คนชรา และคนพิการ เพื่อสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างสะดวกสบาย

ทั้งนี้ผู้เขียนอยากรณรงค์ให้ทุกสถานที่มีพื้นที่สำหรับเด็ก ๆ ไว้ในการพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อเด็กไทยในอนาคต.

การออกแบบที่ว่างสำหรับเด็ก
ที่มา เดลินิวส์

เพลินชมสีสันพันธุ์ปลา ที่'ศรีสะเกษ อควาเรียม'แห่งใหม่

ในช่วงที่สภาพอากาศกำลังร้อนอบอ้าว หลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่จะช่วยผ่อนคลายความร้อนพร้อมเป็นจุดหมายปลายทางการพักผ่อนของแต่ละคนอาจมีรูปแบบแตกต่างกันไปทั้งการเพลิดเพลินธรรมชาติ การเที่ยวทะเล การสัมผัสสายน้ำผืนป่า หรือการเที่ยวชมศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ

ขณะเดียวกัน อีกเส้นทางท่องเที่ยวอีสานใต้ที่นอกเหนือจากความงดงามเก่าแก่ของปราสาทหิน ยังมีสีสัน การเรียนรู้โลกใต้น้ำ สัมผัสความงามของเหล่าฝูงปลาใต้ท้องทะเล พันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิดซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองศรีสะเกษ (ศรีสะเกษ อควาเรียม) ในบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระ ชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง

สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา นอกจากจะมีพื้นที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่แล้วภายในบริเวณยังมีพันธุ์ไม้หลายชนิดทั้งไม้ดอก ไม้ประดับซึ่งช่วงฤดูกาลนี้ยังคงมีสีสันสวยงามของดอกไม้นานาชนิดให้เที่ยวชม

ด้วยรูปแบบของอาคารที่มีเอกลักษณ์ และบรรยากาศที่ร่มรื่น เมื่อมาถึง ศรีสะเกษ อควาเรียม จากทางเข้าก่อนเดินลัดเลาะไปยังห้องแสดงส่วนต่าง ๆ เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับฝูงปลาหลายชนิดว่ายเวียนออกมาทักทายผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย และด้วยจุดหมายที่นอกเหนือจากการให้ความเพลิดเพลิน ที่นี่ยังเป็นแหล่งความรู้ที่ดียิ่งสำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา อีกทั้งยังเสริมสร้างบรรยากาศครอบครัวให้มีกิจกรรมท่องเที่ยวร่วมกัน

ปลาทะเล ปลาน้ำจืด ปลาสวยงาม หลายชนิดที่ปรากฏซึ่งมีกว่า 4,000 ตัว ได้ถูกจัดแสดงในตู้หลายขนาด ที่สะดุดตา เป็นตู้ขนาดใหญ่ราวกับจอภาพยนตร์จำลองโลกใต้ทะเลซึ่งมีฝูงปลาทะเลสีสันสวยงามหลายชนิดว่ายเวียนออกมาให้ชมในระยะใกล้

อีกทั้งยังมีอุโมงค์แก้วลอดใต้บ่อปลามีความยาว 24 เมตร โดยบริเวณนี้มีความสวยงามฝากความประทับใจให้กับผู้มาเยือนสามารถชมปลาน้อยใหญ่ได้ในมุมที่แปลกตา เมื่อเดินต่อไปก็จะเป็น ส่วนแสดงอุทยานไดโนเสาร์โลกล้านปี

แต่ก่อนจะไปห้องแสดงส่วนดังกล่าว ในส่วนอุโมงค์แก้ว หากเป็นจังหวะที่เหมาะสมก็จะได้เห็นความสวยสมบูรณ์ของ กระเบนราหูน้ำจืด ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่จะออกมาปรากฏให้ชม แต่สำหรับครั้งนี้ถือเป็นจังหวะดีที่เจ้ากระเบนราหูน้ำจืดคู่นี้ว่ายออกมาทักทายพอดิบพอดี

นอกจากส่วนอุโมงค์น้ำที่สร้างความประทับใจ ตู้แสดงพันธุ์ปลาอีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ปลาโนรีครีบยาว ซึ่งไม่เพียงมีสีสวยสดแล้วครีบหลังยังมีความโดดเด่นตั้งชันมีความยาวเป็นเอกลักษณ์ เมื่อว่ายไปทิศทางไหนก็สามารถเห็นได้ชัดเจนและเมื่อมารวมกันเป็นฝูงใหญ่ก็ยิ่งชวนหลงใหล

ม้าน้ำ เป็นอีกชนิดที่ได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ และผู้ที่ได้ชมซึ่งจะเฝ้ารอสังเกตความเคลื่อนไหวโดยในการจัดแสดง จะมีคำบรรยายให้ความรู้อธิบายถึงลักษณะชื่อวิทยาศาสตร์ ความโดดเด่นของปลาชนิดนั้น ๆ ให้เพลิดเพลินและได้ความรู้ไปในตัว ถัดมาเป็นตู้ ปลาผีเสื้อคอขาว ซึ่ง มีสีสวยเป็นแถบสีขาวพาดขวาง เกล็ดมี สีเหลืองนวลขอบเกล็ดมีสีดำ เช่นเดียวกับ ปลาสลิดหินลายบั้ง ซึ่งมีสีฟ้าอมดำมีความโดดเด่นโดยตัวจะสั้นและแบน ส่วนปลาน้ำจืดก็มีหลายชนิดทั้ง ปลายี่สกไทย ปลาแรดเผือกตาแดง ฯลฯ ซึ่งบางชนิดหาชมยาก พบเฉพาะในท้องถิ่น

หลังจากเพลิดเพลินพันธุ์ปลาในส่วนต่าง ๆ ภายในศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองศรีสะเกษยังมีพื้นที่กิจกรรม ซึ่งพื้นที่นี้จะมีความรู้หลากหลายเกี่ยวกับปลาหมุนเปลี่ยนเวียนกันไป อีกทั้งมีมุมของที่ระลึกให้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก ก่อนเดินทางกลับซึ่งก็นับเป็นอีกรูปแบบการพักผ่อนท่องเที่ยวยามมาเยือนศรีสะเกษ เมืองเก่าแก่ที่มีมนต์เสน่ห์มาหลายยุคหลายสมัย.

รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว

การเดินทาง–โดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธินจากนั้นแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพที่จังหวัดสระบุรี ไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมาเข้าทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์เข้าตัวเมืองศรีสะเกษหรือใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 24 จากอําเภอสีคิ้ว ผ่านอําเภอโชคชัย-นางรอง-ประโคนชัยปราสาท แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 220 ผ่านอําเภอขุขันธ์เข้าตัวเมืองศรีสะเกษได้เช่นเดียวกัน

โดยรถประจําทาง จากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกําแพงเพชร 2 ไป ศรีสะเกษ ทุกวันเช่นเดียวกับการเดินทาง

โดยรถไฟ จากสถานีรถไฟหัวลําโพงมีให้บริการหลายขบวนไปถึงที่สถานีศรีสะเกษ อีกทั้งเมื่อไปถึงหากต้องการเดินทางไปต่างอําเภอหรือจังหวัดใกล้เคียงสามารถเดินทางต่อไปได้ด้วยรถโดยสารประจำทาง

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : ไม่ไกลจากตัวเมืองมีหลายสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกพักผ่อนเพลิดเพลิน อย่างเช่นที่ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เพลิดเพลินกับหลากสีสันพันธุ์ไม้โดยเฉพาะต้นลำดวนซึ่งปลูกอยู่มากมายภายในสวน และด้วยความที่เป็นเมืองเก่ามีประวัติความเป็นมายาวนาน อีกทั้งมีวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีที่มีความโดดเด่น ยังสามารถแวะสักการะ พระธาตุเรืองรอง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านสร้างเรือง ตำบลหญ้าปล้องโดยพระธาตุนี้สร้างขึ้นโดยการผสมผสานศิลปะอีสานใต้สี่เผ่าไท อีกทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์ พื้นบ้าน ให้เยี่ยมชมร่วมด้วย

ของฝาก : นอกจากผลไม้ พืชผลผลิตการเกษตร หอม กระเทียม ยังมีหัตถกรรมจักสาน ตะกร้า กระเป๋า รวมทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้ายลายขิต.

'ดอกลำดวน'สัญลักษณ์คู๋เมืองศรีสะเกษ

อีกสัญลักษณ์คู่เมืองศรีสะเกษมายาวนาน นั่นคือ ดอกลำดวน ที่นอกจากจะมีความโดดเด่น มีสีสันที่สวยงามแล้ว ความหอมของดอกลำดวนยังชวนประทับใจ ไม่เพียงเท่านั้น ดอกลำดวนยังถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุแห่งชาติและสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุสากล โดยต้นลำดวนมีความหมายประดุจผู้สูงอายุ เป็นที่พึ่งพิงให้ความร่มเย็นเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ผู้ที่อ่อนวัยกว่า

นอกจากนี้ที่จังหวัดศรีสะเกษยังเป็นจังหวัดเดียวในประเทศที่มีต้นลำดวนซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่รวมกันหนาแน่นมากกว่า ห้าหมื่นต้นภายในสวนสมเด็จศรีนครินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองซึ่งเป็นสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์แห่งแรกของประเทศโดยในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกลำดวนที่นี่จะผลิดอกส่งกลิ่นหอมเย็นไปทั่วบริเวณพื้นที่กว่าสองร้อยไร่.
เพลินชมสีสันพันธุ์ปลา ที่'ศรีสะเกษ อควาเรียม'แห่งใหม่
ที่มา เดลินิวส์

ดื่มเติมภูมิกันหวัด กระดูก-หัวใจแข็งแรง

ทำสิ่งใดๆ ถ้าไม่ตั้งใจ ผลลัพธ์ก็ยากที่จะออกมาดี เช่นเดียวกับเรื่องสุขภาพ ถ้าไม่ใส่ใจดูแลให้ดี แล้วจะแข็งแรงได้อย่างไร?

ตั้งต้นไปอย่างนั้น ก็เพราะ ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ หวังให้ผู้อ่านรักษ์สุขภาพอย่าได้ถอดใจกับการเตรียมส่วนผสมในสูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจดูมากอย่างและหายากสำหรับบางคน แต่รับรองว่าคุณประโยชน์ที่ได้ คุ้มค่ากับความตั้งใจ

เครื่องดื่มสูตรนี้ได้จากแครอท อินทผลัมสด งาขาว จมูกข้าวสาลี และน้ำส้มคั้น กลายเป็นแหล่งรวมแมกนีเซียม แคลเซียม และวิตามินซีสูง ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคหวัด คลายเครียด บำรุงผิวพรรณ

ส่วนผสมต่างๆ ให้เตรียมตามสัดส่วนต่อไปนี้ (สำหรับ 1 แก้ว)

แครอทขนาดกลาง 1 หัว
อินทผลัมสด 3 ผล
งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ
จมูกข้าวสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มคั้นสด 1/3 ถ้วยตวง
น้ำแข็ง พอประมาณ

ขั้นตอนในการทำ ให้ปอกเปลือกแครอทและหั่นพอหยาบ ส่วนอินทผลัมให้คว้านเอาเมล็ดออก งาขาวนำไปขั้วให้สีอมน้ำตาลอ่อน ได้แล้วนำส่วนผสมทั้งสามใส่รวมกับจมูกข้าวสาลี น้ำส้มคั้นสด และน้ำแข็ง ปั่นรวมกันจนเข้ากันดีเป็นเนื้อเดียว เทใส่แก้วดื่มทันที

แค่นี้ก็จะได้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพปั่นเย็น รสสัมผัสกรุบๆ จากแครอท งา และจมูกข้าวสาลี ออกหวานนิดๆ จากอินทผลัมและน้ำส้มคั้นสด โดยไม่ต้องง้อน้ำตาล.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

ผัดอาหารอย่างไร ให้อร่อย

วิธีการปรุงอาหารด้วยการผัดนั้น นับเป็นวิธีที่ง่าย และไม่ยุ่งยาก ถ้าคุณไม่มีกระทะหลุมแบบที่ใช้กันโดยทั่วไป กระทะแบนสำหรับทอดก็สามารถใช้แทนกันได้

ก่อนการผัดทุกครั้งจะต้องตั้งไฟจนกระทะร้อนได้ที่ ก่อนจะใส่วัตถุดิบ(เนื้อสัตว์ หรือ ผัก) ลงไปในกระทะ ในการผัดนั้นนิยมใช้ตะหลิว (ทั้งที่ทำจากโลหะ หรือไม้) เพื่อกลับอาหารในกระทะอย่างรวดเร็ว

เมื่ออาหารสุก รีบปรุงรสและนำออกจากกระทะและเตรียมตัวทายขณะที่อาหารยังร้อนๆ เนื่องจากขั้นตอนการผัดนั้นมักจะใช้เวลาสั้น วัตถุดิบต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาหารจึงต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเริ่มการผัด ทั้งนี้เมื่อทำการผัดอาหารแล้วจะได้อาหารที่สุกพอดี ไม่ไหม้จากการที่ต้องเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบอื่นๆ

ส่วนเคล็ดลับที่สำคัญในการผัดอาหารทะเลนั้น เวลาผัดจะต้องใช้ไฟสูง และผัดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผิวด้านนอกของอาหารทะเลสุก ขณะที่ภายในยังนุ่ม (ปรุงเกือบสุก - จะได้รสชาติดีที่สุด) อาหารทะเลที่ปรุงสุกเกินไปจะรสชาติไม่อร่อย ผิวแข็ง และกระด้าง
ที่มา เดลินิวส์

เคล็ดลับสวยใสด้วยวิธีธรรมชาติ


เคล็ดลับสวยใสด้วยวิธีธรรมชาติ เริ่มต้นเคล็ดลับแรกคือ ทำสวยให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 เวลาทุกวัน ทุกครั้งที่ตื่นเช้าขึ้นมาก่อนไปทำงานหรือทำภารกิจต่างๆนอกบ้าน คุณต้องดูแลเรื่องความงามของตัวเองทุกครั้ง หลังจากนั้นพอทำภารกิจประจำวันเสร็จก็ควรตรวจดูความงามของตัวเองอีกครั้งให้สวยเหมือนตอนเพิ่งออกจากบ้านตอนเช้า

เคล็ดลับที่ 2 ความอยากสวยต้องเกิดในทุกวัน ผู้หญิงจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้สวยอยู่ทุกวันไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม เพราะบางทีอาจจะไปสะดุดตาใครสักคนเข้าโดยที่เราไม่รู้ตัว และยังเป็นการบริหารเสน่ห์อย่างหนึ่งอีกด้วย

เคล็ดลับที่ 3 อัพเดทเทรนด์ความงามเสมอ อัพเดทเทรนด์ความงามไว้บ้างก็ดีจะได้รู้ว่าอะไรกำลังมาแรงไม่ได้ตกเทรนด์ แต่ก็ต้องรู้จักจับนู้นจับนี้มาเข้าคู่กันจะได้มีไอเดียเก๋ไก๋ ไม่ซ้ำใครที่เหมาะกับตัวเอง

เคล็ดลับที่ 4 สนุกกับชีวิตผ่านมุมมองที่ดี หัดทำตัวเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ เพราะการที่เรามองโลกในแง่ดีจะทำให้เรามีความสุขตลอดเวลา พอคุณคิดดี อารมณ์ก็จะดี และพลังแห่งความสุขในตัวคุณก็จะสะท้อนความงามให้เปล่งประกายออกมา

เคล็ดลับที่ 5 ห้ามขี้เกียจในการบำรุงรักษา อย่าสวยแต่เพียงภายนอก ผู้หญิงควรสวยจากภายในด้วย เพราะถ้าคุณเอาแต่แต่งหน้าสวยอย่างเดียว แต่ละเลยการบำรุงใบหน้า นั่นอาจทำให้คุณมีริ้วรอยเร็วขึ้น

เคล็ดลับที่ 6 ความสะอาดต้องมาก่อน หลังจากผ่านการทำงานเผชิญเรื่องราวต่างๆมาทั้งวัน พอกลับถึงบ้านเราต้องทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งก่อนล้มตัวลงนอน เพราะเราเจอทั้งฝุ่น ควัน สิ่งสกปรกมาตลอดวัน

เคล็ดลับที่ 7 นอนหลับช่วยให้สวยขึ้นได้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้คุณรู้สึกกระปี้กระเปร่า แถมผิวพรรณยังดี มีเลือดฝาด ดวงตาก็จะเปล่งประกายสุกใสอีกด้วย และถ้าคุณนอนตรงต่อเวลายังช่วยเผาผลาญไขมันได้ถึง 80 กรัมเลยทีเดียว

เคล็ดลับที่ 8 มีจุดเด่นต้องเอาออกมาโชว์ ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไรในร่างกาย ก็จัดการเน้นส่วนนั้นให้โดดเด่นเลยดีกว่า เช่น ฟันสวย เวลาคุณยิ้มก็ยิ้มอวดฟันสวยๆของคุณไปเลย แต่ทั้งนี้คุณก็ต้องรู้จักแต่งตัวให้เป็นด้วยนะ จะได้สวย ดูดีเป็นสองเท่า

ปิดท้ายด้วย ดูแลสุขภาพกาย-ใจให้แข็งแรง ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลอย่างน้อยปีละครั้ง ถ้ามีปัญหาอะไรจะได้รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะความสวยที่ดีที่สุด ก็คือการมีสุขภาพกาย และใจที่แข็งแรง ที่สำคัญต้องรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อตัวเอง
ที่มา เดลินิวส์

ปลูกต้นไม้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในบ้าน

เริ่มจากใน สำนักงาน ควรปลูก ต้นจั๋ง(Lady Palm) เพราะช่วยปรับสภาพอากาศให้ที่ร่มได้ดี ลดมลภาวะที่เกิดจากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ น้ำหมึกพรินเตอร์ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ควรปลูก ยางอินเดีย (Rubber Plant) เพราะมีคุณสมบัติช่วยทำให้อากาศในห้องหมุนเวียนดีขึ้น และยังเพิ่มความชื้นให้อากาศในห้องไม่แห้งจนเกินไป

มาต่อกันที่ ห้องนอน ควรปลูก เยอร์บีรา นอกจากมีความสวยงามแล้ว ต้นไม้ชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชื้น ปรับสภาพอากาศ และดูดกลิ่นอับภายในห้องได้อีกด้วย

ห้องน้ำ ควรปลูก เฟิร์น พลูด่าง เศรษฐีเรือนใน ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับอากาศเป็นพิษที่เชื้อโรคปล่อยออกมา และสารเคมีจากน้ำยาทำความสะอาดผนังและพื้นห้อง

ห้องครัว ควรปลูก บอสตัน เฟิร์น (Boston Fern) เพราะจะช่วยดูดกลิ่นเขม่าควันจาการทำอาหาร และดูดซับสารเคมีจากน้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องครัว

ปิดท้ายด้วย ทุกห้อง ควรปลูก เดหลี (Peace Lily) ช่วยดูดซับสารเคมีในอากาศที่มาจากผลิตภัณฑ์และวัสดุตกแต่งบ้าน พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำยาทำความสะอาด เครื่องสำอางบางชนิด เช่น สเปรย์ มูสใส่ผม น้ำยาล้างเล็บ เป็นต้น

เพียงแค่ปลูกต้นไม้ถูกหลักในจุดต่างๆนี้ คุณก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาแพง และบ้านก็จะมีอากาศบริสุทธิ์อย่างเป็นธรรมชาติ
ที่มา เดลินิวส์

5 เคล็ดลับ ควบคุมอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี

หลายคนที่กำลังกังวลกับเรื่องการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีว่าควรทำอย่างไร บางคนหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปแต่ลืมควบคุมเรื่องการทานอาหาร บางคนเลือกวิธีการอดอาหาร วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ มี 5 วิธีในการควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมาแนะนำ

1.จงกินผักและผลไม้ มีงานวิจัยพบว่า เส้นใยในผักผลไม้ช่วยลดประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำตาลของลำไส้ได้มาก แม้แต่ในคนที่เป็นเบาหวานแพทย์ยังแนะนำให้รับประทานผัก ผลไม้

2. ลดอาหารเค็มจัด เพราะเกลือเป็นตัวไปทำให้ความดันโลหิตสูง ถ้าคุณค่อนข้างอ้วนอยู่แล้ว การรับประทานเกลือทำให้เสี่ยงต่อความดันสูงเป็นอย่างมาก

3. ลดอาหารมัน ๆ หรือของทอด คนค่อนข้างอ้วนส่วนใหญ่ชอบทานอาหารที่มีน้ำมันมาก ควรลดอาหารประเภท ครีม, เนย, เค้ก, ไอสครีม, สเต็ก อาหารทอดต่าง ๆ

4. ถ้าคุณไม่อิ่มให้กินอาหารประเภทแป้ง ทานไม่อิ่มให้รับประทานอาหารประเภทแป้ง, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว, ทาสด้า, ขนมปัง เพราะแป้งจะให้พลังงานน้อยกว่าไขมัน 2 เท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าให้กินมากจนเกินไป เพราะการกินแป้งมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดผลเสียเช่นกัน ควรควบคุมการทานแต่พอดีกำพลังงานที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน

5. จงอย่าอดอาหาร การอดอาหารทำให้ร่างกายเปลี่ยนไป บางคนเลือกอดอาหารเย็นไปเลย ทำให้ร่างกายไม่คุ้นกับการได้รับอาหารเย็น ครั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องทาน เช่น งานเลี้ยงบ่อย ๆ อาหารเย็นนั้นก็ถูกเก็บสะสมไว้ ทำให้คุณอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรลดอาหารในแต่ละมื้อ มากกว่างดทั้งมื้อ จะดีกว่า และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้สุขภาพดีทั้งจากภายนอกและภายใน

ทำตาม 5 วิธีนี้อย่างเคร่งครัดแล้วคุณจะไม่ต้องกลัวปัญหาสุขภาพจากโรคอ้วนอีกต่อไป.
ที่มา เดลินิวส์

เติมความสดใสด้วยลายปริ้นท์

เติมความสดใสให้ซัมเมอร์ด้วยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าลายปริ้นท์หลากสไตล์ ที่ทำให้เสื้อผ้าตัดเย็บเรียบๆ ดูสวยงามและมีสีสันอีกเท่าตัว

เริ่มด้วยคอลเลคชั่นรับซัมเมอร์ของ“เบนโซนิ” ที่เหมือนดึงเสื้อผ้าจากยุคเซเว่นตี้ส์มาไว้บนรันเวย์ แต่ก็ปรับเปลี่ยนให้ดูทันสมัยเพื่อที่จะสามารถสวมใส่ได้ในยุคปัจจุบัน คีย์หลักคือชุดยาวและบางเบา เปิดด้วยกระโปรงยาวทรงตรงกระดุมหน้าตัดจากผ้าเดนิมที่ปลดกระดุมตั้งแต่ช่วงใต้เข่าลงไป ซึ่งดูพลิ้วบางคล้ายผ้าไหมแตกต่างจากผ้ายีนส์แบบทั่วไป จับคู่กับเสื้อผูกคอแขนกุดในลายปริ้นท์แอ็บสแตร็ค

คอลเลคชั่นนี้มีลายปริ้นท์สวยๆ และเสื้อผ้าที่แมทช์ลายปริ้นท์ที่ต่างกันให้เข้ากันอย่างกลมกลืน อย่างกระโปรงพลีทยาวจากผ้าปริ้นท์ลายขวางสีขาวดำที่มีลูกเล่นตรงความถี่ของเส้นขวาง และกระโปรงพลีทสีพีช ซึ่งดูคอนทราสต์กับเสื้อตัวบน และสร้างความน่าสนใจให้กับเสื้อผ้าทั้งชุด

ส่วนชุดกลางคืนเป็นเดรสสั้นทั้งหมด ซึ่งดูสดใสด้วยสีสันจัดจ้าอย่างชมพูและเขียวสว่าง โดดเด่นที่ความบางพลิ้วของเนื้อผ้าและการตัดเย็บอย่างเรียบหรู อาทิเดรสสั้นผ้าเดนิมที่มีแถบผ้าพลีทสีขาวขยับไหวขณะเดิน หรือเดรสสั้นซึ่งท่อนบนเป็นเสื้อแขนกุดสีชมพูเข้มและท่อนล่างเป็นกระโปรงพลีทบานสีเขียวอ่อน

ต่อที่ “เบ็ตซี่ จอห์นสัน” เริ่มต้นโชว์ด้วยความสดใสร่าเริงแบบสาวสปอร์ต ในเสื้อผ้าสีสันจัดจ้านที่ยกขบวนมาทั้งฟ้า เขียว แดง ส้ม ชมพู และอีกหลากสีสัน ส่วนรูปแบบของเสื้อผ้ามีทั้งแบบสปอร์ตในชุดบอดี้สูทปริ้นท์ลายกราฟฟิคขาวดำที่ดูมีสีสันด้วยแอคเซสเซอรี่อย่างเข็มขัดเส้นโต ถุงมือ และผ้าคาดผมสีเหลืองสด เดรสรัดรูปสีส้มสว่างที่ส่วนกระโปรงเป็นรูปแบบหน้าสั้นหลังยาว เพิ่มความสปอร์ตด้วยถุงเท้าลายขวางส้มดำ ส่วนแอคเซสเซอรี่ก็เก๋ไม่เหมือนใครเพราะใช้สายสะพายที่ทำจากโซ่เส้นโต

นอกจากนี้ยังมีเดรสทั้งยาวและสั้นในปริ้นท์ลายดอกสวยหวาน ชุดซีทรูสีดำแนบเสื้อสุดเซ็กซี่ ต่อด้วยเสื้อผ้าในสไตล์นูติคอลที่ดูย้อนยุคนิดๆ และปิดท้ายโชว์ด้วยชุดกระโปรงทรงสุ่มฟูฟ่องที่ตัดเย็บจากผ้าลายปริ้นท์แบบแอ็บสแตร็คสีจัดจ้านให้อารมณ์แฟนซีเหมือนเจ้าหญิงแห่งโลกจินตนาการ

“คริสเตียน โคต้า” กลับมากับคอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2011ที่ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ด้วยเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างมีรายละเอียดแต่ดูเรียบง่าย โดดเด่นด้วยลายปริ้นท์กราฟฟิคและภาพแผงวงจรที่ดูไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ และใช้ผ้าเนื้อฟูเป็นปุยนุ่นเหมือนขนนกที่ดูบอบบาง

ผู้หญิงของคริสเตียน โคต้าดูบอบบาง เท่และอ่อนหวานปนเซ็กซี่ ด้วยเสื้อผ้าแบบเฟมินีนอย่างเบลสเซอร์สีอ่อนที่ถูกนำมาจับคู่กับกางเกงขาสั้นหรือเสื้อเชิ้ตตัวในที่ตัดเย็บจากผ้าลายปริ้นท์เพื่อเพิ่มสีสัน เป็นการบาลานซ์ลายปริ้นท์ที่ดูยุ่งเหยิงด้วยผ้าสีเรียบๆ ส่วนเดรสยาวเกาะอกก็ดูสวยสง่าและพลิ้วไหวทุกย่างก้าว

สำหรับลายปริ้นท์จัดจ้านที่สื่อถึงซัมเมอร์ต้อง “ท็อปชอป ยูนิค”ที่ดีไซเนอร์ให้คำจำกัดความของเสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้ว่า“บอบบาง” โดยแรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายดอกไม้ในสวนหลังบ้านที่แสงส่องผ่านกลีบดอกอ่อนบางให้สีสว่างสดใส ผสานกับความแฟนตาซีของเทพนิยาย ซึ่งนำมาตีความใหม่ในสไตล์ของท็อปชอป

คอลเลคชั่นนี้เป็นดั่งอาภรณ์ของ“นางฟ้า”แบบยุค 70 ด้วยเสื้อผ้าบางเบาที่ตัดเย็บจากผ้าลายปริ้นท์แฟนตาซี ในสีโทนร้อนอย่างแดง เหลืองมัสตาร์ด เบจ และเบรกความร้อนแรงลงด้วยสีขาวและดำ ส่วนใหญ่เป็นชุดยาว ในสไตล์โบฮีเมียน และยังมีชุดในรูปแบบอสมมาตร อย่างเดรสหน้าสั้นหลังยาวที่กำลังมาแรง

dnshopaholic@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

ร้อนนี้ต้อง! เกงขาสั้นกุ๊นขอบรูปหอย

ชวนสาวๆ ที่เบื่อกับเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเรียบๆ มาดูดีเทลที่เพิ่มความน่ารักให้กับเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น ด้วย สแกลล็อป เอดจ์ หรือเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นกุ๊นขอบรูปหอยแครง
สัปดาห์ที่มีวันหยุดยาวแบบนี้ ขอชวนสาวๆ มาดูเสื้อผ้าชิคๆ ที่สวมใส่สบายและบางคนอาจมีไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วก็ได้ ซึ่งก็คือ เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นกุ๊นขอบเป็นรูปครึ่งวงกลมคล้ายหอยแครง หรือ สแกลล็อป เอดจ์

เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นกุ๊นขอบแบบนี้แตกต่างจากเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นทั่วไปตรงที่มีดีเทลมากขึ้น เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้เสื้อกล้ามเรียบๆ ดูน่ารักขึ้น และบวกความเซ็กซี่ให้กับกางเกงขาสั้นน่ารักๆ

อาจเป็นเพราะตอนนี้สาวๆ เมืองไทยสวมเสื้อกล้ามชีฟองและกางเกงขาสั้นกันจนเบื่อ อยากหาอะไรใหม่ๆ ที่สวมสบาย แต่อากาศร้อนๆ แบบนี้ก็หนีไม่พ้นเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้นอยู่ดี จึงมาลงตัวที่การเพิ่มดีเทลให้เสื้อผ้าแบบเดิมๆ ดูใหม่ แปลกตาขึ้น

อันที่จริงเสื้อกางเกงกุ๊นขอบแบบสแกลล็อป เอดจ์ มีมาช่วงหนึ่งแล้ว โดยแบบที่ผลิตสู่ท้องตลาดแล้วคนนิยมสวมมาจากแบรนด์ดังระดับไฮท์สตรีทสัญชาติอังกฤษ ซึ่งในเมืองไทยมีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มเซเลบริตี้ที่สวมใส่เสื้อและกางเกงกุ๊นขอบแบบสแกลล็อป เอดจน์ ไม่นานเสื้อผ้าแบบนี้ก็มีวางขายทั่วไปและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่สาวๆ เมืองไทย

สำหรับข้อแนะนำในการสวมเสื้อกล้ามและกางเกงกุ๊นขอบแบบสแกลล็อป เอดจ์ เริ่มจากเสื้อกล้ามควรเลือกแบบหลวมๆ เพราะส่วนใหญ่จะตัดเย็บจากผ้าที่พลิ้วแนบตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าหลวมหรือบางเกินไปควรสวมเสื้อกล้ามไว้ข้างในอีกตัวหนึ่ง และสวมโดยสอดชายเสื้อไว้ในกางเกง เพราะรูปแบบเสื้อจะค่อนข้างปล่อยสบาย การสวมโดยสอดชายเสื้อไว้ในกางเกงจะทำให้ดูเป็นทางการขึ้นจนไม่ดูเหมือนสวมชุดสบายๆ เดินออกมาซื้อของหน้าบ้าน

ส่วนกางเกงแบบกุ๊นขอบจะเว้าส่วนปลายขาเข้าไปทำให้ดูสั้นกว่ากางเกงขาสั้นแบบปกติ จึงควรเลือกให้ยาวกว่าความยาวที่สวมกางเกงขาสั้นแบบปกติประมาณครึ่งนิ้ว

ที่สำคัญคือการเลือกซื้อเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นแบบสแกลล็อป เอดจ์ ต้องเลือกซื้อแบบที่ตัดขอบแน่นเรียบสนิท ไม่อย่างนั้นด้ายอาจจะหลุดลุ่ยแม้ซักเพียงแค่ครั้งเดียว และดูแลรักษาโดยซักเบาๆ เพียงเท่านี้สาวๆ ก็จะได้อินกับเสื้อผ้าแบบไปนี้นานจนกว่าจะหมดเทรนด์
dnshopaholic@gmail.com
ร้อนนี้ต้อง! เกงขาสั้นกุ๊นขอบรูปหอย
ที่มา เดลินิวส์

สุดยอดอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก

สัปดาห์นี้ มีผู้อ่านเล่าปัญหาของลูกสาววัยรุ่นเข้ามา ว่า “ลูกค่อนข้างจะเข้มงวดกับการจำกัดอาหารมาก เพราะกลัวอ้วน คุณแม่รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพ จึงอยากทราบวิธีทานอาหารที่เหมาะสำหรับคนควบคุมน้ำหนัก”…

ต้องยอมรับว่า เรื่องความอ้วนมักจะสร้างความกังวลในหมู่สาว ๆ ส่วนใหญ่ แต่การใช้ชีวิตไร้ไขมันอย่างเข้มงวดเกินไป ไม่ดีแน่ เปลี่ยนจาก “อด” เป็น “ลด” และ “ลอง” เลือกทานอาหารเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย รับรอง “อิ่มไม่อ้วน”

อย่าง “ข้าวกล้อง” นอกจากจะมีสารอาหารหลายชนิดสูงกว่าข้าวขัดสีแล้ว ยังมีกากใยมากจึงช่วยให้อิ่มได้เร็ว จะสังเกตว่าเวลาทานข้าวขาวจะรู้สึกหิวเร็วกว่า หลายคนจึงเผลอทานแคลอรี่ เข้าไปเกินความต้องการ จนอ้วนโดยไม่รู้ตัว

สำหรับ “ข้าวโอ๊ต” มีแคลอรี่ต่ำ ให้กากใยสูง ช่วยขับเคลื่อนให้ลำไส้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นิยมทานเป็นซีเรียลในมื้อเช้าซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นข้าวโอ๊ต จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร

ส่วน “นมไขมันต่ำ” ซึ่งอุดมไปด้วยแคลเซียมนั้น ผลการศึกษาในต่างประเทศพบว่า ร่างกายของผู้หญิงจะเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมัน และแคลอรี่ได้มากขึ้น เมื่อได้รับแคลเซียม 1,000-1,400 มิลลิกรัมต่อวัน

และการดื่ม “ชาเขียว” มีผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า สารคาเฟอีน และสารฝาดแคททิคิน ในชาเขียว ทำให้เมตาบอลิซึมในร่างกายดีขึ้น เผาผลาญพลังงานได้มาก เป็นผลให้น้ำหนักลด โดยไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ

สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ “ส้ม” ผลไม้ที่มีทั้งกากใย และวิตามินซีสูง ซึ่งไฟเบอร์ในส้มจะไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ทานน้อยลง เพราะรู้สึกอิ่มนาน

ลองซื้อติดบ้านไว้เป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนักกันดู นอกจากจะ “อิ่มไม่อ้วน” แล้ว ยังได้สุขภาพที่ดีด้วย.

takecareDD@gmail.com
สุดยอดอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก
ที่มา ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

สวยไฮโซกับกางเกงขากว้าง

ช่วงนี้กางเกงขากว้างแบบยุค 70 ก็กำลังมาแรง โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็นๆ แบบนี้ยิ่งใส่สบาย อุ่น แถมสวยด้วย
ที่จริงกางเกงขากว้างมีมานานมากแล้ว เพราะเป็นแฟชั่นที่อินสุดๆ สมัยคุณแม่ยังสาวหรือเมื่อราวๆ 40 ปีก่อน แต่เป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้กำลังนิยมแฟชั่นแบบ “ย้อนความหลัง” ทั้งกางเกงเอวสูง เดรสสไตล์วินเทจ หรือวินเทจชอร์ทเพ้นท์ กางเกงขากว้างจึงไม่พลาดที่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในโลกแฟชั่น

กางเกงแบบนี้ก็เป็นแฟชั่นที่เหมาะกับสาวออฟฟิศสุดๆ เพราะนอกจากเหมาะกับสถานที่แล้ว เวลาสวมจะทำให้คุณดูสวยไฮโซและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที แถมยังดูเท่แบบผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งนอกจากจะสวมไปทำงานได้แล้ว ถ้าตอนเย็นมีปาร์ตี้ก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดเพราะกางเกงแบบนี้ถึงจะเรียบร้อยแต่ก็ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไป

การจะสวมกางเกงขากว้างให้ดูสวย ก่อนอื่นต้องเลือกให้เหมาะกับความสูงของผู้สวมใส่ ถ้าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างสูง ขายาวเล็ก จะสวมกางเกงขากว้างขนาดไหนก็ได้ เพราะจะทำให้ดูสมส่วน และปิดบังจุดบกพร่องที่ขาได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณเป็นคนตัวเล็ก ก็ไม่ควรเลือกกางเกงที่ขากว้างมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูเตี้ย

นอกจากนี้ควรจับคู่กับเสื้อที่พอดีตัวหรือค่อนข้างรัดรูป จะได้เพิ่มส่วนเว้าส่วนโค้งให้กับรูปร่าง เสื้อกล้ามหรือเสื้อยืดสีขาวและดำเป็นอะไรที่จับคู่ได้กับกางเกงขากว้างทุกสีทุกลาย เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้ว่ากางเกงขากว้างที่มีอยู่จะแมตช์กับเสื้อแบบไหนดี เสื้อสีขาวและดำเรียบๆ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ

ส่วนใครที่ไม่มั่นใจช่วงขาของตัวเอง สีของกางเกงช่วยได้ กางเกงขากว้างสีดำเป็นไอเทมสุดเพอร์เฟ็กต์ที่จะทำให้ขาของคุณดูเรียวขึ้น เพราะนอกจากสีจะช่วยพรางขนาดของขาแล้ว ความกว้างและความยาวของขากางเกงก็จะทำให้คุณดูสูงขึ้น แต่ถ้าไม่ชอบสีดำเพราะมันดูเป็นทางการและธรรมดาเกินไป สีน้ำตาลหรือสีครามก็ช่วยได้เหมือนกัน

ข้อสำคัญในการสวมกางเกงขากว้างคือพยายามอย่าให้ขากางเกงลงไปกองที่พื้น เพราะนอกจากจะสกปรกแล้วยังทำให้คุณดูเหมือนขโมยกางเกงของคนอื่นมาใส่ ความยาวกรอมเท้าโดยเมื่อสวมรองเท้าแล้วให้สูงกว่าพื้นประมาณครึ่งนิ้วกำลังสวย หรือไม่ก็เลือกความยาวเท่าตาตุ่มก็ได้ จะดูลำลองและใส่ง่ายกว่ากางเกงที่ยาวมากๆ

dnshopaholic@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

เรื่องเล็กๆ ที่เปลี่ยนลุค

สิ่งที่คุณทำเป็นประจำกับใบหน้า ผม ผิว อาจเป็นสิ่งที่ทำลายความงามโดยไม่รู้ตัว แค่เปลี่ยนวิธีเล็กน้อยก็จะเห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นได้

เริ่มที่การดูแลผิวขั้นพื้นฐานคือต้องดูแลผิวให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะถึงคุณจะหน้าใสและไม่มีริ้วรอยใดๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสิวและริ้วรอยจะไม่มีทางมาเยือน ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ดีที่สุด
ส่วนการทาครีม สิ่งสำคัญคือต้องทาครีมขณะผิวชื้น หรือหลังล้างหน้าไม่เกิน 30 วินาทีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบำรุงและเก็บกักความชุ่มชื้น ไม่ว่าครีมบำรุงผิวที่ใช้จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ทำให้ผิวรับสารบำรุงจากครีมได้อย่างเต็มที่ด้วยการทาลงบนผิวที่หมาดๆ แต่หากคุณเป็นคนมีผิวแพ้ง่ายหรือครีมที่ใช้ค่อนข้างรุนแรงต่อผิวให้ทาครีมลงบนผิวแห้งเพื่อลดการระคายเคือง

ครีมบำรุงผิวที่สาวๆ ใช้มักจะมีส่วนผสมของวิตามินซีซึ่งจะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสและดูมีชีวิตชีวา แต่ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องริ้วรอย ดังนั้นถ้าเริ่มมีริ้วรอยควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเรตินอลด้วย

สาวๆ ที่แต่งหน้าทุกวันอาจไม่เคยรู้ว่าวิธีในการแต่งหน้าอาจทำให้ผิวถูกปกปิดมากเกินจำเป็นซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและสิวอุดตัน เช่นการลงคอลซีลเลอร์เพื่อปกปิดริ้วรอยและจุดด่างดำ ให้ใช้วิธีตบเบาๆ อย่าถู เพราะการถูจะทำให้คอลซีลเลอร์กระจายเกินพื้นที่ที่ต้องการ แม้การตบด้วยปลายนิ้วเบาๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนคอนซีลเลอร์ไม่ติด แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้สักครู่เนื้อครีมก็จะเบลนด์เข้ากับผิวเอง

และในการแต่งหน้าควรโฟกัสไปที่ดวงตาหรือริมฝีปากอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรแต่งหน้าให้ตาวิ๊ง ปากเด่นในเวลาเดียวกัน เพราะจะดูเหมือนแต่งหน้ามากเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติ

มาถึงจุดสำคัญจุดหนึ่งในร่างกายและเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ดูสวยหรือดูแย่นั่นก็คือทรงผม ก่อนจะตัดหรือทำผมทรงไหนต้องคิดให้ดีๆ ก่อนว่าเข้ากับตัวเองหรือเปล่า เนื่องจากผมทรงนั้นต้องอยู่กับคุณทุกวัน ดังนั้นควรเลือกช่างเสริมสวยที่สามารถเสริมจุดเด่นของคุณให้ดูดียิ่งขึ้นได้ ไม่ใช่คนที่คอยเอาแต่ย้ำจุดด้อยของคุณ ดังนั้นการลงทุนทำผมกับช่างผมที่ไว้ใจได้แม้ว่าจะมีราคาสูงสักนิดถือเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เพราะคุณไม่ได้ตัดผมทุกวัน

ส่วนสาวๆ ที่ต้องการทรงผมที่ดูสวยเป็นธรรมชาติก็ต้องทำทรงผมที่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนไม่ผ่านกระบวนการใดๆ เช่นผมตรงที่ไม่ตรงมากจนดูแข็ง หรือผมดัดเป็นลอนอ่อนๆ แค่นี้คุณก็จะดูดีอย่างเป็นเป็นธรรมชาติ

dnshopaholic@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

ดอกไม้บานบนเสื้อผ้าหน้าร้อน

เข้าช่วงซัมเมอร์แบบนี้ สิ่งที่มาพร้อมกับเสื้อผ้าในช่วงฤดูร้อนเสมอและจะไม่พูดถึงไม่ได้คือปริ้นท์ลายดอก เพราะมาแรง และสาวๆ นิยมสวมกันสุดๆ
ปริ้นท์ลายดอกเป็นลายปริ้นท์ที่ฮิตเสมอสำหรับช่วงฤดูร้อน เพราะสื่อถึงความสดชื่นสดใสของซัมเมอร์ได้ดีที่สุด และเป็นลายปริ้นท์ที่แสนจะเหมาะกับผู้หญิง สาวๆ สามารถสวมใส่เสื้อผ้าปริ้นท์ลายดอกได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะวันทำงานหรืองานกลางคืน ซึ่งเราจะเห็นสาวๆ เมืองไทยสวมเสื้อผ้าพิมพ์ลายดอกไม้หวานๆ กันมาระยะหนึ่งแล้ว ที่เห็นได้บ่อยที่สุดก็ในเดรสลายดอก ทั้งเดรสสั้น และแม็กซี่เดรส ส่วนกระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นลายดอกก็มาแรงไม่แพ้กัน

ถ้าพูดถึงรูปแบบของเสื้อผ้า เดรสจะเหมาะที่สุดสำหรับลายปริ้นท์ เพราะเมื่อสวมจะกระจายจุดสนใจไปทั่วทั้งตัว ไม่เฉพาะส่วนบนหรือส่วนล่าง ซึ่งสามารถเบรกความหวานของลวดลายได้เมื่อจับคู่กับเบลสเซอร์ คาดิแกน หรือแจ็คเก็ตตัวเก่งที่เป็นสีเรียบๆ และจะให้ลุคแคชชวลอีกด้วย

ส่วนรูปแบบของเสื้อผ้าที่เหมาะกับปริ้นท์ลายดอก ลายพิมพ์ดอกไม้สีสดๆ หรือดอกเล็กๆ เหมาะที่จะอยู่บนเดรส ซึ่งทำให้ดูสดใสและสามารถสวมในวันสบายๆ หรือสวมไปทำงานก็ได้ เสื้อทูนิกที่มีลายพิมพ์ดอกไม้เหมาะจะสวมกับกางเกงยีนส์สวยๆ หรือกางเกงขากว้าง ซึ่งจะดูเป็นทางการและสามารถสวมไปทำงานได้ด้วย แต่ถ้าเป็นกางเกงหรือกระโปรงควรเลือกลายดอกไม้เล็กๆ ไว้ก่อน เพราะจะได้ไม่ดึงความสนใจไปที่ส่วนล่างมากเกินไป โดยเฉพาะถ้าสาวๆ เป็นคนมีสะโพก

สำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากสวมเสื้อผ้าลายดอกทั้งชุด แต่ก็อยากอินกับลายปริ้นท์สุดฮอตในซัมเมอร์นี้ แค่มีเบลสเซอร์ปริ้นท์ลายดอกสวยๆ ก็สามารถจับคู่กับเสื้อผ้าได้ทุกแบบ หรือจะสวมแค่แอคเซสเซอรี่อย่างกระเป๋าและรองเท้าที่เป็นลายดอกก็อินได้ไม่แพ้กัน

นอกจากนี้การวางแพทเทิร์นของดอกไม้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สาวๆ ควรจะดูให้ละเอียดก่อนจะซื้อเสื้อผ้าที่มีลายพิมพ์เป็นรูปดอกไม้ เพราะไม่ใช่ลายปริ้นท์ทุกแบบที่จะเข้ากับรูปร่าง ถ้าเป็นคนตัวเล็กบาง การสวมเสื้อผ้าที่มีลายปริ้นท์ดอกใหญ่จะทำให้ดูเหมือนตัวจมหายไปในกองดอกไม้ ส่วนถ้ารูปร่างค่อนข้างท่วมสามารถสวมเสื้อผ้าในลวดลายปริ้นท์ดอกใหญ่ๆ ได้และอาจสวมเสื้อคลุมสวยๆ ทับเพื่อเบรกไม่ให้ลายตาจนเกินไป

การเลือกเสื้อท่อนบนเป็นลายปริ้นท์ดอกใหญ่จะสร้างจุดสนใจไปที่ส่วนบนของร่างกาย ดังนั้นถ้าต้องการพรางขนาดหน้าอกควรสวมเสื้อที่ตัดจากผ้าปริ้นท์ลายดอกเล็ก

ส่วนสาวๆ ที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงกับเสื้อผ้าลายปริ้นท์ มีเคล็ดลับคือ ถ้าสวมเสื้อผ้าที่เป็นปริ้นท์ลายดอก อย่าใช้รองเท้าหรือกระเป๋าที่มีลวดลายดอกไม้ เพราะจะดูลายตาไปทั้งตัว ควรสวมเสื้อผ้าชิ้นอื่นหรือเครื่องประดับที่มีสีเดียวเรียบๆ จะดูเข้ากันมากกว่า
ที่มา เดลินิวส์

วิธีพิชิตสิว และรอยด่างดำบนใบหน้า

วิธีพิชิตสิว และรอยด่างดำบนใบหน้า
1. พิชิตสิว ขจัดริ้วรอย เพิ่มความขาวด้วยมะนาว ผ่าซีกมะนาว 1 ผล คั้นน้ำ นำเปลือกที่เหลือจากการคั้นน้ำ มาชุบน้ำมะนาว ทาหน้า ทำจนหมดน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 1 ชม.ครึ่ง จึงล้างออก ทำทุก 7 วัน

2. กำจัดสิวหัวดำ สิวเสี้ยน ถั่วเขียวต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับกำมะถันผง 1 ½ ช้อนชา และไข่ขาว 1 ฟอง ปั่นให้เนียน พอกหน้า นวดเบา ๆ ทิ้งไว้ 30 นาที ทุก 5 วัน

3. ทำความสะอาดใบหน้า ลดจุดด่างดำ สิวเสี้ยน ถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศสุกผลใหญ่ 1 ผล (มะเขือเทศสีดา 2-3 ผล) น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา ต้มถั่วเขียวแล้วปั่นผสมกับมะเขือเทศผสมน้ำผึ้ง พอกหน้า นวดเบา ๆ ทิ้งไว้ 20 นาที ทุก 5 วัน

4. ลดความมัน ลบฝ้า จุดด่างดำ สมานผิว กระชับรูขุมขน ปอกแตงกวา หรือแตงร้านอ่อน ๆ 1 ผล หั่นเป็นแว่นบาง ๆ ปั่นพร้อมไข่ขาว 1 ฟอง บีบมะนาว 1 เสี้ยว ลงไป ปั่นให้เนียน พอกหน้า ทุก 5 วัน

5. ลดความมัน สิวเสี้ยน จุดด่างดำ ริ้วรอย สมานผิว กระชับรูขุมขน ตลอด 2 เดือนแรกควรทำทุก 10 วัน แอพริคอต 2 ผล น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นพร้อมกันให้ละเอียดเนียน พอกหน้า 20 นาที สองเดือนแรกควรทำทุก 10 วัน

6. ลดสิวเสี้ยน กระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำทุก 5 วัน ถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ สตรอเบอร์รี่ผลโต 2 ผล นมเปรี้ยว ½ ช้อนโต๊ะ ถั่วเขียวต้มสุกยีผสมกับสตรอเบอรี่และนมเปรี้ยว พอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ทุก 5 วัน

7. ลดฝ้าขจัดสิว ช่วยลดผิวหน้ามันด้วยไข่ขาว 2 ฟองไข่ขาวทาหน้าทิ้งไว้ 1-2 ชม. ทำทุก 2 วัน

8. ลบฝ้าด้วยแตงร้าน แตงร้าน 6 – 7 ผล ปั่น พอกหน้า 25 นาที ทำทุก 7 วัน
ที่มา เดลินิวส์

หิ่งห้อยมีแสงได้อย่างไร

หิ่งห้อยมีแสงได้อย่างไร หิ่งห้อย เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่สามารถผลิตแสงได้ด้วยตนเอง พบเห็นได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย มีขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร ไปจนถึง 10 เซนติเมตร สีของแสงหิ่งห้อยที่พบในไทยจะเป็นสีเหลืองและน้ำตาล มันมีอายุขัยประมาณ 1 เดือน แสงที่หิ่งห้อยเปล่งออกมาเป็นพลังงานแสงร้อยละ 90 อีกร้อยละ 10 เป็นพลังงานความร้อน

การที่หิ่งห้อยเรืองแสงได้ เพราะเซลส์จากอวัยวะการสร้างแสงของหิ่งห้อยจะผลิตสารสีขาวที่ชื่อว่า ลูซิเฟอริน (Luciferin) จากนั้นหิ่งห้อยจะควบคุมการเปล่งแสง โดยบังคับอากาศที่ได้จากการหายใจเข้าไป เมื่ออ๊อกซิเจนในอากาศสัมผัสกับสารลูซิเฟอริน และทำปฏิกิริยากับเอมไซม์ชื่อ Luciferase หิ่งห้อยก็จะปล่อยพลังงานออกมาเป็นแสงได้ ฉะนั้นแสงจะสว่างหรือดับจึงขึ้นอยู่กับการหายใจของหิ่งห้อยนั่นเอง

หิ่งห้อยไม่ได้เปล่งแสงเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการส่งสัญญาณเพื่อการหาคู่ ซึ่งหิ่งห้อยแต่ละชนิดจะมีจังหวะการกระพริบแสงที่แตกต่างกัน ฉะนั้นหิ่งห้อยแต่ละชนิดจึงจดจำการกระพริบแสงของพวกเดียวกันได้ จึงทำให้เกิดการผสมพันธุ์ที่ถูกกับชนิดของหิ่งห้อยนั้น ๆ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปจับมันมากักขังไว้ล่ะ มันไม่สวยเท่าตอนที่มันอยู่กับธรรมชาติหรอก.

ที่มา เดลินิวส์

อาหารจานเดียว...กินอย่างไรให้สุขภาพดี

ฉบับที่แล้ว คอลัมน์ “หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ” ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับภาวะที่มีไขมันหน้าท้องมากเกินไป หรืออ้วนลงพุง เชื่อเหลือเกินว่า แฟนคอลัมน์หลายท่านคงจะสำรวจตัวเองในเรื่องการกิน การอยู่ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น

ดังนั้น คอลัมน์ของเราฉบับนี้ มาร่วมสำรวจอาหารการกินที่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่สำคัญของการดำรงชีวิตว่า การรับประทานอาหารจานเดียว ซึ่งเป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่รับประทานอยู่ทุกวี่วัน ทำอย่างไรให้อาหารจานเดียวมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับตนเอง

ก่อนอื่นเลย อาหารจานเดียว ควรประกอบไปด้วยสารอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนในหนึ่งจาน โดยมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50 ไขมันร้อยละ 30 และโปรตีนร้อยละ 20

สำหรับพลังงานที่ได้รับจากอาหารแต่ละประเภทนั้นก็มีความแตกต่างกัน โดยอาหารประเภทไขมันให้พลังงานมากที่สุด เมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน ในปริมาณที่เท่ากัน ดังนี้

คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี

โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี

ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี

การบริโภคอาหารชนิดเดียวกันอาจให้พลังงานต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าว่า เน้นส่วนประกอบใด มีวิธีปรุงอย่างไร และยังขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย การเติมเครื่องปรุงรสยิ่งมาก ก็จะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากเลือกรับประทานอาหารจานเดียวอย่างเหมาะสม นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และสะดวกในการบริโภคอีกด้วย

จึงมีคำแนะนำในการบริโภคอาหารจานเดียวแบบง่าย ๆ มาฝากกัน

1) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายเข้าไว้ หากมีอาหารประเภทปลา เช่น ปลาทู ปลาดุก ปลาสวาย ซึ่งมีโอเมก้า-3 ช่วยปกป้องสมอง ได้ด้วยก็จะยิ่งดี

2) ควรทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ

3) หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสับ กระดูกหมู หนังหมู เป็นต้น

4) อาหารที่ใส่กะทิ หรือปรุงโดยวิธีการผัด หรือทอด ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด เพราะมีปริมาณไขมันสูงมาก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ชุบแป้งทอด ปาท่องโก๋ โดนัท

5) ส่วนของหวานจัด อาหารประเภทแป้ง หากรับประทานมากเกินไป จะมีผลทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

6) อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารอีกมื้อหนึ่งที่สำคัญ นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายไม่หิวมากในช่วงบ่ายแล้ว ยังควบคุมปริมาณอาหารในมื้อเย็นให้น้อยลงได้

7) อาหารมื้อเย็น ควรทานให้ห่างจากเวลานอนไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เช่น หากเข้านอนเวลาสามทุ่ม ควรทานอาหารเย็นให้เรียบร้อยไม่เกินหกโมงเย็น เนื่องจากขณะหลับ ร่างกายกำลังพักผ่อน ก็จะไม่มีการย่อยอาหาร ทำให้เกิดการสะสมไขมันในช่องท้องมีมากขึ้น

8) เลือกประเภทของอาหารที่ให้พลังงานเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เช่น ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ โดยทั่วไปจะให้พลังงานสูงกว่าเส้นเล็ก เส้นหมี่หรือวุ้นเส้น ส่วนก๋วยเตี๋ยวแห้งให้พลังงานสูงกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำ และอาหารประเภทเนื้อหมูและเนื้อวัวให้พลังงานสูงกว่าเนื้อไก่และเนื้อปลา

9) การทานอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจ ควรเลือกที่มีปริมาณแป้งและไขมันแต่พอควร

10) ข้อสำคัญ ควรชิมอาหารก่อนปรุงรสทุกครั้ง และพยายามไม่ติดอาหารรสจัดเกินไป

11) ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าลืมว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลจะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น และเครื่องดื่มบางชนิด เช่น กาแฟ ให้พลังงานเทียบเท่ากับอาหารหนึ่งจานเลยทีเดียว

หากตัวคุณเองสามารถ เลือกรับประทานอาหารได้ดังนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าสุขภาพดีจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับตัวคุณ แล้วอย่าลืมแนะนำวิธีการเลือกบริโภคอาหารจานเดียวให้กับคนรอบข้างที่คุณรักด้วยล่ะ.
ที่มา เดลินิวส์

เทคนิค 5 เตรียม ก่อนพาลูกเข้า "ร.ร.อินเตอร์"

เมื่อพูดถึงโรงเรียนนานาชาติ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ในชื่อ "โรงเรียนอินเตอร์" นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่พ่อแม่ยุคใหม่อยากให้ลูกคุ้นชิน และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เพราะภาษาเป็นหน้าต่างแห่งโอกาส ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านมีโรงเรียนอยู่ในใจกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พ่อแม่จำนวนไม่น้อยมักกังวล และเป็นห่วงนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับตัว และการใช้ชีวิตในโรงเรียนของลูก

วันนี้ทีมงาน Life & Family มีแนวทางดี ๆ จากงานเสวนา "ทำอย่างไรให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อเรียนในโรงเรียนนานาชาติ" ที่โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์สมาฝากกัน โดย นพ.จอม ชุมช่วย จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นได้ให้เทคนิคเตรียมความพร้อมลูกไว้ 5 เรื่องหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

1. เตรียมภาษา

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดคิด และตัดสินใจอย่างดีแล้วว่า จะพาลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติแน่นอน จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นท่านนี้ บอกว่า ภาษาเป็นเรื่องสำคัญมาก การพูดคุย หรือสื่อสารกับลูกเป็นประโยคภาษาอังกฤษจะทำให้ลูกค่อย ๆ คุ้นชิน และปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าไปอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ อย่างไรก็ตามการสร้างความคุ้นชินด้านภาษานั้นไม่จำเป็นต้องพูดคุยอย่างเดียว แต่สามารถนำสิ่งใกล้ตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิทาน หรือดนตรี นำมาอ่านกับลูกบ่อย ๆ แล้วลูกจะค่อย ๆ คุ้นชินกับภาษาได้ดีขึ้น

"พ่อแม่ท่านใดพูดไม่ได้ ไม่ต้องกังวล แต่ควรแสดงให้ลูกเห็นว่า เราพร้อมจะพูด ใช้ประโยคง่าย ๆ กับลูก แต่ควรเลี่ยงอังกฤษคำ ไทยคำ เพราะจะทำให้เด็กไม่เข้าใจประโยคในการสื่อสาร ซึ่งมีบางบ้านเขาจะแบ่งกันไปเลยว่า ใครพูดภาษาอังกฤษ ใครพูดภาษาไทย เพื่อให้ลูกชินกับภาษาอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ภาษาไทยได้ดีด้วย" จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นให้แนวทาง

2. เตรียมการเล่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเล่นเป็นของคู่กันกับเด็ก ซึ่งนอกจากจะให้ความสุขแล้ว ยังเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการคิด การตัดสินใจ รวมไปถึงการแก้ปัญหา เพราะการเล่นทำให้ระบบประสาทของสมองเชื่อมโยงได้อย่างสมบูรณ์ เด็กจะมีความสุขและพร้อมที่จะเรียนรู้ ที่สำคัญยังพบด้วยว่า เด็กที่มีโอกาสในการเล่นมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ขาดโอกาสในการเล่น

ฉะนั้น คุณพ่อแม่ควรให้ลูกเล่นอย่างอิสระ และเล่นอย่างสร้างสรรค์ นั่นหมายความว่าต้องมีของเล่นที่ฝึกทักษะด้านการคิด การแก้ปัญหา เช่น ตัวต่อรูปแบบต่าง ๆ หรืออื่น ๆ ซึ่งหากเด็กทำไม่ได้ ควรเข้าไปช่วยบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นการเตรียมการเล่นเป็นเรื่องสำคัญเพื่อต่อยอดความพร้อมในการเรียนรู้ของเด็กเมื่อต้องเข้าโรงเรียน

3. เตรียมอารมณ์ที่มั่นคง

อารมณ์ที่มั่นคงของลูกจะเป็นตัวช่วยให้เด็กใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเมื่อเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งพ่อแม่สร้างได้จากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับลูก ทั้งการเล่น การกอด และการให้กำลังใจ รวมถึงการเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของลูก เช่น ลูกมีความกลัว หรือกังวลในบางอย่าง พ่อแม่ต้องรู้จักพูดคุย และตอบสนองทางอารมณ์ของลูกอย่างเหมาะสม ไม่ควรตอกย้ำความรู้สึกกลัวให้ลูก อาทิ กลัวแล้วพากันวิ่งหนี หรือกลัวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง นั่นจะทำให้อารมณ์ของเด็กหวั่นไหว และระแวงอยู่ตลอดเวลา

4. เตรียมความเป็นตัวของตัวเอง

ความเป็นตัวของตัวเอง จำเป็นอย่างมากหากคิดจะพาลูกเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ เพราะระบบโรงเรียนจะเน้นให้เด็กทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งคิด และตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เตรียมความพร้อมในจุดนี้ เมื่อเด็กเข้าไปเรียนจะเกิดความรู้สึกด้อย และมีปัญหาในด้านการเรียน และการเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ ตามมา

"พ่อแม่ส่วนใหญ่มีลูกแล้วประสบความสำเร็จกับโรงเรียนนานาชาติ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ลูกเกิดปัญหาในสังคมแบบนี้ ส่วนหนึ่งคือ พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบทะนุถนอม และให้การช่วยเหลือมากเกินไป ไม่ให้อิสระลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเองเลย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้อิสระลูกได้คิด และทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น กินข้าวเอง ใส่เสื้อผ้า รวมทั้งรองเท้าเอง เด็กจะอยู่ในสังคมโรงเรียนอย่างมีความสุข" จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นฝากถึงพ่อแม่

5. เตรียมความสามารถทางสังคม

เมื่อเด็กเติบโต และพร้อมที่จะเข้าโรงเรียน สังคมเพื่อนเป็นสังคมที่เด็กจะหลีกหนีไม่พ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูก ๆ ไปเรียนรู้ที่จะเล่นกับคนอื่น ๆ ด้วย เช่น เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกันบ้าง นั่นจะทำให้มีโอกาสพัฒนาภาษาที่ซับซ้อนมากขึ้น มีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยให้เด็กเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนได้เป็นอย่างดี

นอกจาก 5 เรื่องหลัก ๆ ข้างต้นที่คุณหมอฝากไว้เป็นแนวทางให้กับพ่อแม่แล้ว นพ.จอม ยังฝากไปถึงผู้ปกครองที่มีลูกเรียนในโรงเรียนนานาชาติด้วยว่า ควรสนับสนุนลูกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของภาษา การบ้าน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญควรสื่อสารกับครูที่โรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทั้งกิจกรรม พฤติกรรม ตลอดจนการเรียนของลูก

"ถ้าลูกเข้ามาเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วเรียนไม่ได้ ผมแนะนำว่าควรเข้าไปคุยครูว่า เพราะอะไรลูกถึงเรียนไม่ได้ มีปัญหาในเรื่องไหน อย่างน้อย ๆ ผมเชื่อว่าครูน่าจะบอกได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่แน่ใจ ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้าน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรคาดเดาเอาเอง" จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นฝาก

อ่านแล้วลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ หากท่านใดมีลูกเรียนในโรงเรียนนานาชาติ แล้วอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเรียนการสอน กิจกรรมต่าง ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้ อย่างน้อย ๆ เพื่อเป็นช่องทางให้พ่อแม่ท่านอื่น ๆ ที่มีแนวคิดอยากให้ลูกเข้าเรียนในระบบดังกล่าวมีข้อมูลในการตัดสินใจได้มากขึ้น
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์