โรคปวดหลัง ปวดหลัง ทำอย่างไรดี??

โรคปวดหลัง ปวดหลัง ทำอย่างไรดี??

อาการ ปวดหลัง เป็นความผิดปกติหนึ่งที่พบได้ในทุกคนมีผู้ทำการศึกษาแล้วว่า มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ต้องมีอาการปวดหลังเกิดขึ้น อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตของเราทุกคน


สาเหตุเกิดจากอะไร?
เป็น เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีกระดูกสันหลังที่ตั้งฉากกับพื้นของโลกใน ขณะยืนหรือเดิน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของคนกล้ามเนื้อที่ประคองกระดูกสันหลังจะต้องทำงาน เพื่อประคองกระดูกสันหลังทั้งวันทำให้มีอาการเครียดตึงและปวดตามมา

คนเราต้องมีอาการ ปวดหลังบ้างเป็นบางครั้ง เราควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการปวดหลัง?
ถ้า มีอาการปวดหลังเกิดขึ้นในวันแรก ส่ิงแรกที่ควรทำคือ ต้องไม่วิตกกังวลมากเกินไป เพราะเราทราบว่าโรคนี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่รู้สึกอยู่ ถ้าเราวิตกกังวลมากเกินไปแล้วจะยิ่งทำให้การรักษาอาจจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น และอาการจะเรื้อรังรุนแรงมากขึ้นควรทำจิตใจให้ผ่องใส ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

เราควรรักษาขั้นแรกด้วยตัวเองอย่างไร เมื่อมีอาการปวดหลัง?
การ รักษาตัวเองเมื่อมีอาการปวดหลัง ควรเริ่มต้นด้วยการ นอนพักประมาณหนึ่งถึงสองวันเพื่อให้กล้ามเนื้อหลังที่ปวดเกร็งอยู่ได้พัก ผ่อนและหายจากอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว ท่านอนที่เหมาะสมในขณะปวดหลังใหม่ๆ นั้นมีสองท่า คือ

1.นอนหงายหนุนหมอนใต้เข่าสองข้างให้สะโพก และเข่างอ ประมาณ 30 องศา (ห้ามสอดหมอนใต้แผ่นหลัง)

2.นอนตะแคง เอาด้านข้างลงขาค่อนข้างเหยียด และสอดหมอนข้างระหว่างขา (ไม่ควรงอห่อตัวมากเกินไป)

3.ห้ามนอนคว่ำ เพราะหลังจะแอ่นและตื่นขึ้นมาปวดหลัง

ยาที่ใช้รักษาโรคปวดหลังควรเลือกใช้อย่างถูกต้องด้วยยาแบบใดเป็นขั้นแรก?
เนื่อง จากในเมืองไทย ผู้ป่วยสามารถหาซื้อยาที่ใช้รักษาโรคปวดหลัง ได้จากร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ดังนั้นท่านจึงสามารถซื้อยาได้เองเมื่อมีอาการปวดหลัง อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้ท่านใช้ยาดังต่อไปนี้

1.เริ่มต้นเมื่อมีอาการปวดมากด้วยการทานยา Acetamenophen (พาราเซต) ให้หายปวดก่อน
2. ถ้ายังมีอาการปวดอีกให้รับประทานยากลุ่มที่มีชื่อเป็นทางการว่าเอ็นเซต NSAID (Non-Steroidal anti-inflamatory Drugs) ซึ่งอาจทานร่วมกับยาที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxant) ซี่งมีอยู่หลายยี่ห้อในท้องตลาด ประการที่สำคัญสำหรับคนที่ซื้อยารับประทานเอง คือ ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์ซึ่งนิยมถูกจ่ายจากผู้ขายยาที่ไม่ได้ มาตราฐาน หรือถูกผสมในยาแผนโบราณ ซึ่งยากลุ่มนี้ก่อให้เกิดปัญหากระดูกพรุน ไตวาย หลอดเลือดแตกเปราะและอื่นๆ ได้การรับประทานยาทั้งหมดนี้ควรทานประมาณห้าถึงเจ็ดวัน หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นเพิ่มเช่นปวดร้าวตามขา ควรไปพบแพทย์ครับ

ข้อมูลโดย นาวาอากาศเอก นพ.ทายาท บูรณกาล

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์