แฉเบื้องหลังกำเนิด“ชีสเบอร์เกอร์”

แฉเบื้องหลังกำเนิด“ชีสเบอร์เกอร์”“ชีสเบอร์เกอร์”อาหารยอดฮิตของชาวอเมริกันอาจมีต้นกำเนิดมาจากความผิดพลาดของเชฟ สภาพอากาศหนาวจัดในรัสเซียทำให้วัวต้องสวมบราขนสัตว์เพื่อรักษาความอบอุ่น "แผ่นปิดตา"หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ล้มเหลวซึ่งจัดแสดงใน"พิพิธภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์ล้มเหลว" "รูบนพื้น"สำหรับพกพา "แปรงไร้ขน"สำหรับคนไร้ฟัน

@ภัตตาคารในเมืองพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นชีสเบอร์เกอร์เมื่อกว่า 90 ปีที่แล้ว ในช่วงปลายปี 1920 โดยบอกว่าเชฟหนุ่มที่ชื่อ “ลีโอเนล สเติร์นเบอร์เกอร์” เผลอย่างเนื้อวัวสำหรับใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ไหม้ไปหนึ่งด้าน แต่แทนที่จะทิ้ง เขากลับวางชีสลงบนเนื้อวัวด้านที่ไหม้เพื่อปิดบังร่องรอย จากนั้นจึงเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งเมื่อได้ทานก็ชอบมาก โดยเมืองพาซาเดนาจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองต้นกำเนิดของชีสเบอร์เกอร์นานกว่าสัปดาห์เพราะอาหารที่เกิดจากความผิดพลาดได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

@ “วิมปี้”ร้านขายอาหารฟาสต์ฟู้ดในอัฟริกาใต้ทำเมนูอาหารเป็นอักษรเบลล์สำหรับคนตาบอดเพื่อให้พวกเขาสามารถอ่านเมนูได้เอง และทำโครงการประชาสัมพันธ์แหวกแนวด้วยการทำ“แฮมเบอร์เกอร์สำหรับคนตาบอด”โดยวางเมล็ดงาเป็นอักษรเบลล์ข้อความต่างๆ บนหน้าขนมปัง เช่น“เบอร์เกอร์เนื้อวัว 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อคุณ!”และให้คนตาบอด 15 คน จาก 3 สถาบันคนตาบอดได้ทาน เพื่อที่จะให้เห็นว่า ครั้งแรกที่คนตาบอด “เห็น” ว่ากำลังทานอะไร พวกเขารู้สึกอย่างไร ซึ่งวิมปี้อ้างว่าการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีนี้ทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากคนตาบอดถึง 8 แสนคน

@ตำรวจในเมืองวิลท์เชียร์ ประเทศอังกฤษ จับแก๊งค์ชายชาวโรมาเนีย ที่ตระเวนขโมย “หมากฝรั่ง” ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต 12 แห่งทั่วประเทศ เพราะสามารถใช้แทน “เงิน”สำหรับทอนเมื่อซื้อสินค้าในประเทศโรมาเนียได้ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่าหมากฝรั่งถูกขโมยเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยในประเทศโรมาเนียเจ้าของร้านค้ามักจะบอกว่าไม่มีเศษเหรียญแล้วให้หมากฝรั่งแทนเงินทอน

@ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัสเซียทำให้วัวในสาธารณรัฐยาคูตียา ซึ่งเป็นที่ที่อากาศหนาวเย็นที่สุดในซีกโลกเหนือ และในบางครั้งอาจอุณหภูมิต่ำสุดถึง –55 องศาเซลเซียส ต้องสวมยกทรงขนสัตว์เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย โดยยกทรงทำจากขนกระต่าย มีสายรัดไปรอบลำตัวเพื่อให้อยู่กับที่

@หลังจากเชื่อมานานว่าลิ้นสามารถรับรู้ได้เพียง 4 รส คือ หวาน เปรี้ยว ขม และเค็ม เมื่อเร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ก็เพิ่งพบว่าลิ้นมนุษย์สามารถรับรสที่ 5 คือรสอร่อย และล่าสุดความแปรผันทางพันธุกรรมทำให้บางคนสามารถรับรสชาติของโมเลกุลไขมัน หรือ“รสอ้วน”ได้ด้วย โดยนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าการค้นพบนี้สามารถนำไปพัฒนาเพื่อต่อสู้กับโรคอ้วนและโรคเบาหวานได้ในอนาคต

@สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ประกาศบทลงโทษสำหรับนักอุตุนิยมวิทยาที่พยากรณ์สภาพอากาศผิดพลาด ผิดครั้งแรกอาจจะถูกจำคุก 4-5 ปี ปรับ 4 แสนปอนด์ หรือราว 20 ล้านบาท และหากกระทำผิดครั้งต่อไปอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับ 8 แสนปอนด์ หรือ 40 ล้านบาท หากจะประกาศเตือนสภาพอากาศที่รุนแรงต้องได้รับอนุญาตจากทางการเสียก่อน โดยหวังว่ากฎนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้นักอุตุนิยมวิทยาสร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการรายงานสภาพอากาศผิดพลาดอย่างร้ายแรง อาทิ บอกว่าจะมีภัยแล้งหรือน้ำท่วมฉับพลัน

@ออสเตรเลียตั้ง“พิพิธภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์ที่ล้มเหลว”ขึ้นในเมืองแฮร์นบามการ์เทน ซึ่งจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ เช่น อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยแผ่นสีดำสำหรับยกขึ้นคาดตาเมื่อผู้ใช้ไม่ต้องการให้ใบหน้าของตัวเองถูกบันทึกลงในกล้องถ่ายภาพ ที่วางหมวกเคลื่อนที่ได้ รูบนพื้นสำหรับพกพาที่เห็นได้บ่อยๆ ในการ์ตูนซึ่งเมื่อวางลงบนพื้นศัตรูจะตกลงไปในรูนั้น หรือแปรงสีฟันที่ไม่มีขนแปรงสำหรับคนที่ไม่มีฟัน
ที่มาทีมเดลินิวส์ออนไลน์