"เชื่อ" เรื่องใหญ่ที่สุดในโลก
ว. วชิรเมธี ปราชญ์แห่งสยาม ได้แสดงทัศนะเปรียบเทียบแนวคิดเชิงพุทธ และแนวคิดตะวันตกร่วมกับผศ.ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์ อาจารย์ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไว้อย่างงดงาม ในหนังสือที่กระตุกต่อมความคิดของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป แต่ความเชื่อเหล่านั้นมีความสำคัญต่อชีวิตของมนุษย์ และแนวโน้มการพัฒนาโลกอย่างไร ค้นหาคำตอบได้ในหนังสือเรื่อง ""เชื่อ" เรื่องใหญ่ที่สุดในโลก"
ว. วชิรเมธี กล่าวว่า "โลกของเราทุกวันนี้ จาริกอยู่ในโมหะภูมิ คือภูมิของความโง่ เพราะวิธีคิดของคนส่วนใหญ่ เป็นวัตถุนิยม คนจึงใช้ชีวิตอยู่ในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะสิ่งเหล่านี้ จะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง เรื่องคุณความดีต่าง ๆ ได้ถูกมองข้ามไป ใครทำท่าเป็นคนดี คนนั้นเป็นคนเชย เป็นแกะดำในหมู่คนเลว และสังคมไม่ต้องการ และการที่สังคมเริ่มปฏิเสธคนดี ก็เป็นดัชนีชี้วัดชะตากรรมของสังคมเช่นเดียวกันว่า จะกลายเป็นสังคมที่ไปไม่รอดในที่สุด จากนั้น เราจะก้าวไปสู่ มิคสัญญียุค คือ ยุคที่คนมองเห็นคนด้วยกันเป็นเหยื่อ แล้วก็คอยทำร้าย ทำลายซึ่งกันและกัน และในยุคสุดท้ายก่อนที่สังคมและโลกจะวินาศ คือ กลียุค ซึ่งเต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง เต็มไปด้วยความโกลาหล เต็มไปด้วยความแตกแยก สุดท้ายก็เกิดสงครามทุกหัวระแหง แนวโน้มของกลียุคมันอยู่ที่ปลายจมูกของคนไทย เราทุกคนพร้อมที่จะระเบิดอยู่ตลอดเวลา เพราะมีเชื้ออยู่ คือ เชื้อวัตถุนิยม"
เหตุสำคัญของการนำพาโลกให้ก้าวไปสู่จุดสิ้นสุดแห่งกลียุค คือ "ความเชื่อที่ผิด" หรือ "มิจฉาทิฐิ" แล้ววันนี้ คุณ "เชื่อ" อย่างไร
ผศ. ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์ วิเคราะห์ความเชื่อของคนในยุคปัจจุบันไว้อย่างชัดเจนว่า "ในกลุ่มคนที่มีความรู้ เวลาที่เขาเชื่อเรื่องอะไรแล้ว เขาจะหาเหตุผลสนับสนุนรองรับความเชื่อของเขา ซึ่งผมมักจะบอกเสมอว่า เหตุผลกับความจริงมันคนละเรื่อง คนเราพอเชื่ออะไรแล้ว ก็จะหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของตนเอง แต่ไม่ได้หาความจริงมาสนับสนุนความเชื่อของตนเอง หรืออาจจะเอาความจริงบางส่วนมาอธิบายความเชื่อทั้งหมด เพราะฉะนั้น คนที่เวลาเชื่อ หรือศรัทธาอะไร เขาก็จะใช้สติปัญญา ความสามารถของเขาทั้งหมด เพื่อให้ความเชื่อของตนเองสมจริง ผมจะบอกว่านี่คือ หลุมดำของความเชื่อ แล้วก็เป็นหลุมดำของเหตุผลด้วย"
ว. วชิรเมธี ได้ชี้ให้เห็นถึงทางออกของปัญหาต่าง ๆ ที่ถูกต้อง คือ การมองปัญหาด้วยสติปัญญา วิเคราะห์หาสาเหตุให้ชัดเจน แล้วถามตัวเองว่า ถ้าพบสาเหตุแล้วจะเริ่มแก้ไขตรงไหน
ปัญญาที่แท้นั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประการ คือ
1. ปัญญาขั้นพื้นฐานสำหรับใช้ทำมาหากิน คือ จบการศึกษาในระดับที่สามารถประกอบสัมมาอาชีวะ เลี้ยงตนเองได้ เลี้ยงครอบครัวได้
2. ปัญญาที่เข้าใจโลก และชีวิตตามความเป็นจริง คือ เข้าใจว่าโลกนี้ถูกเชื่อมโยงด้วยกฎเพียงกฎเดียว ก็คือ สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี แล้วดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับกฎธรรมชาติด้วยปัญญาล้วน ๆ ไม่ไปเชื่อพ่อมด หมอผี ชะตากรรม พรหมลิขิต ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
3. ปัญญาไม่ตกเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความหลง เรียนรู้วิธีที่จะบริหารความโลภ ความโกรธ ความหลงไม่ให้ขึ้นมามีอิทธิพลเหนือชีวิตจิตใจได้เลย
ว. วชิรเมธี ได้บอกถึงความสำคัญของความเชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา ว่า "เวลาที่พระพุทธเจ้าแสดงอริยมรรค มีองค์ 8 ท่านจึงเริ่มด้วยความเชื่อ ถ้าเชื่อถูก ทุกอย่างถูกหมด ถ้าเชื่อผิดทุกอย่างผิดหมด เพราะฉะนั้น คนที่เชื่อผิดจึงน่ากลัวที่สุด และคนที่เชื่อถูก จึงเป็นคนที่น่ายกย่องที่สุด เรื่องความเชื่อ จึงเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ดังที่มีถ้อยคำกล่าวไว้ว่า "You are what you believe. You are what you think." เชื่ออย่างไร ก็จะใช้ชีวิตอย่างนั้น เพราะความเชื่อสำคัญเช่นนี้ ธรรมจักรกัปปวัตตนสูตรเรื่องแรก พระธรรมเทศนากัณฑ์แรกที่พระพุทธเจ้าแสดงจึงเริ่มต้นด้วย "ความเชื่อ""
ติดตามอ่านสาระเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "ความเชื่อ" และแนวทางพัฒนาความเชื่อที่ถูกต้อง เพื่อร่วมกันรังสรรค์โลกใบนี้ให้น่าอยู่ และสวยงาม ได้ใน "เชื่อ" เรื่องใหญ่ที่สุดในโลก วันนี้ ตามร้านหนังสือชั้นนำ คัดสรรและนำเสนอโดย สำนักพิมพ์เลซี่เดย์
ที่มา โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์/http://www.managerweekly.com/
อ่านละครเรื่อง นาคี
-
อ่านละครเรื่อง นาคี (ตอนล่าสุดคลิก) อ่านละครเรื่อง นาคี ละครเรื่อง นาคี
บทประพันธ์โดย ตรี อภิรุม ละครเรื่อง นาคี บทโทรทัศน์โดย สรรัตน์
จิรบวรวิสุทธิ์ ละครเ...