แม่ท้องทำอะไรได้บ้าง ?

ภายหลังตั้งครรภ์ คำถามที่จะตามมาทันทีก็คือคุณแม่จะทำอะไรได้บ้างและทำอะไรไม่ได้บ้าง เพื่อเป็นการคลายความกังวลของคุณแม่ จึงขอแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในขณะตั้งครรภ์ในบางประเด็นที่คุณแม่ชอบถามกันบ่อย ๆ

การทำความสะอาดร่างกาย คุณแม่ที่ตั้งครรภ์สามารถอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายได้บ่อยตามความต้องการ จะอาบเวลาไหนก็ได้การหมั่นอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายจะทำให้เหงื่อไคลและกลิ่นตัวถูกกำจัดออกไปด้วยเวลาถ่ายปัสสาวะ คุณแม่ต้องทำความสะอาดบริเวณปากช่องคลอดให้ดี ควรล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง หลายคนชอบใช้กระดาษทิซชูเช็ดแทนการล้างช่องคลอด ต้องระวังว่า กระดาษทิซชูอาจเปื่อยหลุดเข้าไปในช่องคลอด ทำให้คันหรือตกขาวมีกลิ่นเหม็นได้ ภายหลังถ่ายอุจจาระ ควรทำความสะอาดก้นโดยการล้างน้ำ ถ้าใช้กระดาษชำระเช็ดก้น ควรเช็ดจากด้าน หน้าไปทางด้านหลัง อย่าเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้า เพราะอาจทำให้อุจจาระมาเปื้อนบริเวณปากช่องคลอดได้

การดูแลผิวพรรณ เมื่อมีการตั้งครรภ์ ผิวหนังของคุณแม่ส่วนมากจะแห้งและคันได้ง่าย และที่สำคัญคุณแม่จำนวนไม่น้อยมีผิวสีคล้ำขึ้นและมีท้องลายเกิดขึ้นด้วย คุณแม่ควรหมั่นทาครีมที่ช่วยบำรุงความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเกาที่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่บริเวณท้อง เพราะยิ่งเกาจะยิ่งไปกระตุ้นให้ผิวหนังบริเวณที่เกามีสีคล้ำขึ้น ในปัจจุบันยังไม่มียาหรือครีมชนิดใดเลยที่ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์ในการลบหรือลดท้องลายได้

การแต่งเนื้อแต่งตัว คุณแม่ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวม ๆ โปร่ง ๆ เนื่องจากบ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน การแต่งชุดที่คับ ๆ หรือรัด ๆ จะทำให้อึดอัด รองเท้าที่ใส่ควรเป็นรองเท้าส้นเตี้ยหรือไม่มีส้น งดเว้นการใส่รองเท้าส้นสูงเพราะทำให้ล้มได้ง่าย และยังทำให้ปวดหลังเพิ่มขึ้นด้วย

การเสริมสวย คุณแม่ที่ตั้งครรภ์สามารถย้อมหรือไฮไลต์สีผมได้ จะแต่งหน้า ทาปาก ทาเล็บ ก็ทำได้เช่นเดียวกัน คุณแม่ที่ชอบใส่แหวน เวลาตั้งครรภ์ร่างกายคุณแม่มักจะบวมและนิ้วมือก็เป็นอวัยวะที่บวมได้บ่อยๆ ยิ่งใกล้คลอดจะยิ่งบวมมาก บางรายบวมมากจนถอดแหวนไม่ได้และเจ็บนิ้วมาก

เพศสัมพันธ์ คุณแม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดช่วงที่ตั้งครรภ์ ยกเว้นช่วงตั้งครรภ์ประมาณ 2-3 เดือนแรก เพราะอาจจะทำให้แท้งได้โดยเฉพาะคุณแม่ที่เคยมีประวัติแท้งบุตรหรือเคยคลอดก่อนกำหนดมาก่อนยิ่งต้อง ระวัง อีกช่วงหนึ่งที่ควรลดก็คือช่วงใกล้คลอดเพราะอาจทำให้ถุงน้ำคร่ำแตกและคลอดก่อนกำหนดได้ สำหรับท่าที่ใช้ในการมีเพศสัมพันธ์ควรเป็นท่าที่คุณแม่อยู่ข้างบนหรือหันหลังให้ ระวังอย่าให้ฝ่ายชายนอนทับเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

การทำงาน คนท้องทำงานได้ไม่มีข้อห้าม เพียงแต่อย่าทำงานที่ทำให้เหนื่อยมาก ถ้าเป็นการทำงานนั่งโต๊ะไม่หนักหนาอะไรก็เชิญทำได้ตามสบาย แต่ถ้าเป็นงานที่ทำแล้วเครียด อดตาหลับขับตานอน อย่างนี้ต้องเลิกหรือเบาลง คุณแม่ยุคใหม่จำนวนไม่น้อยต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หลายคนกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง ขอเรียนว่าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้ปล่อยแสงหรือคลื่นประหลาดอะไรออกมาทำให้ลูกคุณพิการหรอก เพียงแต่ถ้านั่งแช่อยู่นาน ๆ คุณแม่ก็จะปวดหลังได้ง่ายเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็อยากแนะนำให้คุณแม่หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถ ขยับตัวและลุกเดินซะบ้างจะได้ไม่ปวดหลัง

เดินทาง คุณแม่จะเดินทางไปไหนก็ได้ไม่มีปัญหา ส่วนยานพาหนะที่จะใช้อาจมีข้อห้ามและข้อระวังแตกต่างกัน การเดินทางด้วยเครื่องบิน อาจทำได้ขณะตั้งครรภ์อ่อน ๆ แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น สายการบินมักไม่ยอมให้คุณแม่ขึ้นเครื่องเพราะกลัวจะไปคลอดบนเครื่องบิน การเดินทางด้วยรถยนต์ รถทัวร์ รถไฟ ถ้านั่งนาน ๆ จะทำให้ปวดหลังและขาจะบวมได้ นอกจากนี้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักจะปวดปัสสาวะบ่อย ถ้าต้องกลั้นไว้นาน ๆ กระเพาะปัสสาวะอาจจะอักเสบได้

คุณแม่ที่ขับรถไปทำงานประจำวันเอง สามารถทำได้ตามปกติ แต่ควรจะงดเว้นในช่วงตั้งครรภ์ใหม่ ๆ เพราะช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนเพลียและง่วงนอนจากการแพ้ท้อง เวลาขับรถอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกช่วงหนึ่งก็คือช่วงใกล้คลอดซึ่งเป็นช่วงที่ครรภ์ของคุณแม่ใหญ่มากจนไปค้ำพวงมาลัย ทำให้ขับรถยาก อึดอัด ถ้าเบรกกะทันหัน ท้องอาจจะกระแทกพวงมาลัยจนทำให้แท้งหรือรกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งจะทำให้ลูกเป็นอันตรายได้

คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการนั่งรถจักรยานยนต์หรือรถตุ๊กตุ๊ก เพราะสภาพร่างกายที่อุ้ยอ้าย ขยับตัวลำบาก อาจตกหล่นจากรถได้ง่าย นอกจากนี้เวลาซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ คุณแม่ก็มักจะเกร็งกลัวหล่นจากรถอยู่แล้ว ทำให้เหนื่อยง่าย บางรายท้องแข็งเลยก็มี

ทำฟัน คุณแม่สามารถทำฟันขณะตั้งครรภ์ได้เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะคุณแม่มีโอกาสเลือดออกได้มากเวลาทำฟัน คุณหมอฟันจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทำฟันของคุณแม่ได้มากขึ้นครับ

ออกกำลังกาย การออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์จะช่วยให้กระดูกเชิงกรานของคุณแม่มีการขยายตัวได้ดี และเวลาคลอดจะทำให้คุณแม่มีแรงเบ่งดี วิธีการออกกำลังกายในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แตกต่างจากของคนที่ไม่ตั้งครรภ์บางประการ คือ คุณแม่ควรออกกำลังกายเพียงแค่พอเหนื่อย ไม่ควรออกกำลังกายโดยการกระโดดโลดเต้นโดยเด็ดขาด ควรเปลี่ยนมาเป็น เดินเร็ว ๆ นั่งเหยียดแข้งขา ก้มตัวบิดไปมา หรือว่ายน้ำ เป็นต้น

การใช้ยา คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทาน ฉีด หรือเหน็บเอง แม้ว่ายาส่วนมากจะปลอดภัย แต่ก็มียาหลายชนิดที่อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณแม่เอง หรือต่อลูกในท้องได้ ก่อนใช้ยาทุกชนิดปรึกษาคุณหมอที่ดูแลก่อนจะดีกว่า

ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีความสุขกับการดำเนินชีวิตขณะตั้งครรภ์นะครับ

ข้อมูลจาก รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ด้านสุขภาพสตรี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย www.rtcog.or.th

นวพรรษ บุญชาญ
ที่มา เดลินิวส์