ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มอายุยืนมากขึ้น เห็นได้จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป) เกินร้อยละ 10มาตั้งแต่ปี 2547 และคาดว่าเพียงอีกสิบกว่าปีข้างหน้าคือ ปี 2567 ประเทศไทยจะมีประชากรสูงอายุขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ทีเดียว การที่เรามีแนวโน้มอายุยืนยาวมากขึ้น ก็ยิ่งต้องประคับประคองร่างกายให้แข็งแรงไปตลอดช่วงอายุขัยนั้น แต่ปัจจัยด้านสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การดูแลรักษาสุขภาพทำได้ไม่ง่ายนัก
ข้อมูลของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า 10 อันดับโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคของต่อมไร้ท่อ (เช่น โรคกลุ่มเบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมหมวกไต) โรคระบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคระบบประสาทจิตเวช โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรคของปาก หู คอ จมูก และโรคผิวหนัง ขณะที่โรคมะเร็งยังคงเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยสูงสุด ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้อาจไม่ปรากฏอาการให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่จะสะสมหรือเรื้อรังไปเรื่อยๆ การดูแลรักษาสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการบรรเทาหรือยับยั้งมิให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหล่านี้
การรับประทานอาหารที่ให้คุณประโยชน์ครบถ้วนแก่ร่างกายจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนป้องกันหรือยับยั้งความเสี่ยง ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ชี้ให้เห็นว่านมวัวเป็นหนึ่งในอาหารที่ให้คุณค่าทางสารอาหารมากที่สุด และอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่หลากหลายและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 100 ชนิด และเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินบี 2 วิตามินบี12 รวมทั้งโปรตีนคุณภาพสูงที่เหมาะกับร่างกาย การเสริมธาตุอาหารหลักและรองจึงทำได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มนมวัว ซึ่งสามารถดื่มแทนน้ำหรือแทนอาหารหลักได้ในบางมื้อด้วยซ้ำไป
โครงการ “สุขภาพดี 24 ชั่วโมง กับ โฟร์โมสต์” ให้คำแนะนำว่า การดื่มนมวัวอย่างสม่ำเสมอจึงไม่เพียงเหมาะกับวัยทารกหรือเด็กเท่านั้น เพราะขณะที่เด็กต้องการธาตุอาหารเพื่อให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง ผู้ที่สูงวัยมากขึ้นก็ต้องการเสริมธาตุอาหารเพื่อชดเชยความอ่อนแอของภูมิคุ้มกันที่เป็นไปตามวัยเช่นกัน นมวัวสำหรับผู้ใหญ่จึงทำหน้าที่ปรับสมดุลแก่ร่างกาย และช่วยให้เราพร้อมดำเนินชีวิตต่อไปให้มีอายุขัยที่ยืนยาว
นมวัวอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยปรับสมดุลของระบบต่างๆ อาทิ แม็กนีเซียมนั้นเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท จึงช่วยเสริมให้ระบบเหล่านี้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ซิงค์หรือสังกะสีเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างแอนตี้บอดี้ที่ช่วยต่อสู้กับโรคติดเชื้อ จึงสำคัญต่อระบบภูมิต้านทาน รวมทั้งมีส่วนสำคัญกับการมองเห็น ขณะที่แคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างให้กระดูกและฟันแข็งแรง เราจึงจำเป็นต้องได้รับปริมาณแคลเซียมให้เหมาะสมในแต่ละวัน ส่วนวิตามิน บี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง และวิตามินบี 2 ช่วยเพิ่มการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากสารอาหารเหล่านี้
เห็นได้ว่าสารอาหารในนมวัวจะเข้าไปซ่อมเสริมในจุดต่างๆ ทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นความครบเครื่องของนมวัวซึ่งไม่เหมือนกับอาหารประเภทอื่นที่เรารับประทานการค่อยๆ เสริมประสิทธิภาพของระบบในร่างกายวันละนิดด้วยนมวัววันละ 2-3 แก้ว จึงเป็นกิจวัตรที่ให้ผลในระยะยาว ซึ่งน่าจะช่วยให้เราพร้อมรับกับวิถีชีวิตที่ยืนยาว และเมื่อสุขภาพกายพร้อม ใจก็จะเป็นสุขตามไปด้วย
ใส่ใจตัวเองวันละนิด รักชีวิตได้ไม่จำกัดเวลา เริ่มต้นดื่มนมกันตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า
ที่มาโดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
