จุดเปลี่ยน อุดม แต้พานิช ตอนที่ 1

จุดเปลี่ยน อุดม แต้พานิช ตอนที่ 1
ศาสนาไม่มีจริง
“ผมเองเคยคิดว่าศาสนาไม่มีจริง คิดตามความโง่เขลาในวัยโน้น จะมีพระพุทธศานาได้อย่างไร จะมีพระพุทธเจ้าได้อย่างไร คิดว่าทุกเรื่องเป้นนิทานแต่งขึ้นให้คนกลัวบาป ใช้แทนกฎหมายในยุคสมัยโน้น จึงไม่เชื่อเรื่องบุญบาป นรกสวรรค์ คิดดูแคลนว่า ถ้าอยากให้เชื่อก็ไปจับตัวบุญ ตัวบาป มาให้ดูซิ”

มิจฉาทิฐิ เห็นผิดเป็นชอบ
“คำว่ากรรม ยิ่งไม่เชื่อหนัก เพราะเกิดแล้วก็ตายหมดในชาตินี้ คนเราก็เหมือน แบคทีเรีย ที่เกิดมาและตายไป ฉะนั้นอยากทำอะไร ก็จงทำไป ตามใจของเรา พอมีความคิดเป็นมิจฉาทิฐิ คือ เห็นผิดเป็นชอบ เวลาทำอะไรไป จึงไม่คิดถึงใจคนอื่น และไม่คิดกังวลหรือกลัวว่า สิ่งที่เราทำ … จะผิดหรือไม่ผิด เป็นความมั่นใจแบบโง่ ๆ แต่ไปคิดว่าถูกและเท่ห์”
“ในช่วงเรียนมัธยมผมเป็นคนมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย อะไรที่ขโมยได้ ก็จะขโมย ตอนนั้นเด็กวัยรุ่นแถวบ้านผม ส่วนใหญ่มีจักรยาน BMX แต่บ้านผมไม่มี เพราะแม่ขายส้มตำ เรียกว่าจนอยากได้จักรยานก็ต้องขโมยเอา เคยร่วมมือกับเพื่อนที่เป็นจิ๊กโก๋ไปขโมยจักรยานอีกโรงเรียนหนึ่ง พอขโมยแล้ว ไม่เคยสนใจว่าเด็กเจ้าของจักรยานคนนั้น จะเดือนร้อนหรือไม่อย่างไร สำหรับพระ เวลามองดูพระ ก็ไม่เคยเคารพพระ ตอนนั้นคิดแต่เพียงว่า พระก็เป็นอาชีพหนึ่ง แค่นั้น”

หลงทาง เพราะตั้งหางเสือผิด
“พอเราคิดแบบนี้การกระทำของเราก็ไปอีกอย่างหนึ่ง หางเสือ พอตั้งผิด ก็ผิดทาง เหมือนเวลาเราหลับตาดำน้ำ ใจคิดว่ากำลังขึ้นผิวเบื้องบน แต่จริงๆ ดำดิ่งลงเบื้องล่าง ชีวิตผมตอนนั้นก็เป็นไปตามทัศนคติ มีแต่ปัญหา เรื่องปวดหัว ชีวิตสับสนวุ่นวาย ไม่มีหลักคิด ไม่รู้จะแก้ปัญหาในชีวิตอย่างไร”

มรสุมชีวิตเข้ารุมเร้า
“จุดเปลี่ยนชีวิต คือ หนีออกจากบ้าน พอเรามีตวามคิดผิด เราก็ไม่รักแม่ ‘แม่อะไร … ขอเงินก็ไม่ได้ ’ จักรยานก็ไม่ได้เหมือนคนอื่นๆ แบบเรียนก็เป็นมือสอง ทำไมครอบครัวเราจนแบบนี้ เกิดเป็นลูฏแม่คนนี้ มีแต่ลำบาก ลูกคนอื่นทำไมสบาย วันหนึ่งขโมยเงินแม่ทั้งหมด แล้วหนีออกจากบ้าน ไปอยู่กับญาติที่ ชลบุรี พอไปเจอญาติ ก็ใส่ร้ายแม่ตัวเองว่า แม่ทรมานเรา เลี้ยงเราไม่ดี เราจึงหนีมา ญาติก็หาโรงเรียนให้เรียนด้วยความสงสาร อยู่กับญาติไปสักพัก ไปทำความเดือนร้อนให้ญาติ

ด้วยนิสัยไม่เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ไม่เรียนหนังสือโดดเรียน เล่นไพ่ในห้อง เที่ยวเตร่ คบเพื่อนชั่ว ญาติก็เอือม

จนวันหนึ่งเรียน ปวช ปี 1 มันเอือมตัวเองมากจนไม่ไหว ไปขโมยเงินครั้งสุดท้าย แล้วเขาจับได้ตอนขโมยพอดี ญาติก็ไม่เอาเราแล้ว เราก็เซ็งตัวเอง คือ ไม่รู้จะไปไหน จิตใจไม่มีที่พึ่ง ที่เราจะพึ่งตัวเองนับถือตัวเอง มันไม่มีอะไรน่านับถือ เรียนที่โรงเรียน โรงเรียนก็ร่ำๆ จะให้พักการเรียน

เผอิญมีคนชวนไปนั่งสมาธิที่วัดบึงบวรสถิต อ.บ้างบึง จ.ชลบุรี ช่วงเวลา 18.30 – 19.30 น. ก็ไปกับเขา ที่ไปนั่งเพราะไม่รู้จะทำอะไรก็ไปอย่างนั้นเอง สมาธิคืออะไรก็ไม่รู้จัก พระท่านสอนนั่งสมาธิ แต่เราไม่นั่ง กลับลืมตาดูคนนั่งหลับตา และขำคนนั้น คนนี้ ที่นั่งหลับสัปหงก”

ไปวัด เพราะไม่มีที่ไป
“ตอนนั้นไปทุกวัน ไม่ใช่เป็นคนดี ไม่ได้เลื่อมใส แต่เพราะไม่มีที่ไป พอตอนเลิกเขาจะแจกน้ำปานะด้วย เราก็พลอยได้กินไปด้วย”

“อยากบอกว่า มนุษย์เราโดยทั่วไป โดยจิตลึกๆ โหยหาความดีงาม ชอบสิ่งดีงามอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นโจร หรือมหาโจรก็ตาม ก็แสวงหาสิ่งที่ดีงาม เช่น เวลาเราเห็นใครสักคนจูงคนแก่ข้ามถนนเรายังรู้สึกดี ผมไปเห็นเขาพับเสื่อที่วัดนี้ เขาช่วยกัน เขายกมือไหว้กันที่วัด พูดจาไพเราะ ผมเห็นก็รู้สึกดี”

คบบัญฑิต บัณฑิตพาไปหาตัวเอง
“เขาอนุโมทนาบุญกันแรก ๆ ก็งง งงไปสักพักก็หัดทำบ้าง ก็รู้สึกว่าดี ได้รวมยินดีกับคนอื่นที่ทำความดี คือ เหมือนกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้บำบัดเรา ระหว่างนั้นเราได้ยินเขาพูด เรื่อง บุญเรื่องบาปเหมือนเราไม่เชื่อ แต่ก็เริ่มซึมซับ ผมก็เริ่มนั่งบ้าง จากเริ่มนั่งสมาธิ แม้เริ่มนั่งจะไม่เห็นอะไร แต่พอใจสงบแล้วจะเห็นตัวเอง จะเห็นความไม่ดีของตัวเอง อุปมาเหมือนจิตใจของคนเรา คือ เรา ตักน้ำมาจากคลองแสนแสบ ใจเราจะเหมือนอย่างนั้น คือ มีปัญหาความรัก การเงิน การงาน เราเกลียดคนนั้นคนนี้ มีเรื่องสารพัด ใจเราจะเต็มไปด้วยเรื่องราวหมักหมม แต่พอทำสมาธิผ่านไป ใจจะนิ่ง เหมือนเราตักน้ำขึ้นมา ธรรมชาติมันจะตกตะกอน

ใจเราเมื่อตกตะกอน จะมีความใสเหมือนผิวน้ำ แล้วเห็นอะไรต่ออะไร อย่างน้อยก็เห็นตัวเอง

ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าไปวัดแล้วสนุกดี ว่างๆ ก็เดินตามพระไปบิณฑบาต ที่วัดนี้เขาเปิดเทปธรรมะระหว่างฉัน และเทปนั้นเป็นเทศน์ เรื่องมงคลชีวิต 38 ประการ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร บางวันที่ฟังก็ตรงกับชีวิตของเรา ก็ค่อย ๆ เอาธรรมะที่ฟังมาปรับใช้ในชีวิตตัวเอง ช่วงนั้นเราได้รับธรรมะ เหมือนเราได้รับ Moisturizer จากผิวชั้นบน จนถึงผิวชั้นล่าง เราเห็นพระ หรือแม่ชี หน้าท่านจะใสสว่างโดยไม่ต้องใช้ครีมไวท์เทนนิ่งใด ๆ ความสว่างนั้นเกิดจากจิตใจที่เบิกบานจาก.ธรรมะนี่เอง”

สิ่งที่เราไม่รู้ ไม่ได้แปลว่าไม่มี
“เผอิญเขามีการบรรพชาสามเณร ผมก็สมัครกับเขาสักหน่อย ได้เริ่มห่มผ้าเดินบิณฑบาต สนุกดี ศีลของเณรไม่เยอะมาก แต่เป็นการเริ่มต้นกรุยทางพระพุทธศาสนาอย่างดี ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่า บุญบาปมันน่าจะมี กรรมก็น่าจะมี ทั้งที่ยังไม่เชื่อทั้งร้อย ดูเหมือนมันมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้ประกอบกับพระหลายท่านเทศน์ว่า สิ่งที่เราไม่รู้ ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เหมือนคนตาบอด ถ้าเราไปบอกว่ามีสัตว์รูปร่างคล้ายจิ้งจก ชื่อ อีกัวน่า ตัวใหญ่ สีเขียว แผ่คอได้ด้วย คนตาบอดบอกไม่เชื่อ ไม่มี ที่พูดแบบนั้นเพราะเขาไม่เคยเห็น การไม่เคยเห็น ไม่ใช่ว่ามันไม่มีเหมือนบุญบาป ที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีเพียงแต่ว่าปัญญาของเราเป็นแบบทางโลก เราจึงไม่รู้

บาปกรรมที่เราไม่เคยเห็น ไม่ได้หมายความว่าไม่มี”

เปลี่ยนความคิด ชีวิตผันเปลี่ยน
“ผมได้บวชเณรและสึกออกมาเรียนต่อ ใน ช่วงที่ออกมา ผมรู้ได้เลยถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว ตั้งแต่ญาติพี่น้อง เพื่อน มีความรู้สึกต่อเราเปลี่ยนไป เหมือนเราได้รับความรักจากคนรอบข้างมากขึ้น เรารู้สึกว่าเราไปเจอสิ่งดีๆ มา ส่วนเพื่อนชั่วๆ ก็ค่อยๆ หายไป และพบว่า คนเรากำหนดตัวเองได้ เช่นถ้าเราเสพยาบ้า เพื่อนยาบ้าก็เข้ามาแล้ว เราเป็นคนแบบไหน ก็ถึงดูดคนแบบนั้นเข้ามา แล้วผมมีโอกาสมาเรียนต่อที่เพาะช่าง กรุงเทพฯ ช่วงนั่นผมไปวัดปากน้ำ ไปไหว้พระบ้าง ไปนั่งสมาธิบ้าง อยู่ๆ ก็รักหลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าชอบวิธีการสอนนั่งสมาธิของท่าน ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกกับจริตของผม บางคนชอบเพ่งกสิณ บางคนชอบจงกรม บางคนชอบกำหนดลมหายใจ แต่ละคนจะชอบไม่เหมือนกัน แล้วแต่จริตใคร

ใกล้เรียนจบ ผมมีโอกาสได้ไปทำงานกับสำนักพ์แห่งหนึ่ง อยู่แถวบางกะปิ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายศิลป์ของเขา ช่วยนั้นมีเพื่อนชวนไปใส่บาตรที่ชมรมพุทธฯ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นเรื่องบังเอิญที่พระที่มาบิณฑบาตสอนสมาธิแบบหลวงปู่ วัดปากน้ำ ทำให้เราไปเรื่อยๆ ไปจนตรงกับช่วงที่เขารับสมัครอุปสมบทภาคฤดูร้อน ตอนนั้นคิดว่าอย่างไรก็คงบวชไม่ได้ เพราะติดงานของสำนักพิมพ์แต่ไม่รู้เป็น เพราะอะไรรู้สึกอยากบวชเป็นพระมาก ๆ”
ที่มา มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนีย

- เส้นทาง “โน้ส อุดม” สู่ศรัทธาธรรมกาย
- จุดเปลี่ยน อุดม แต้พานิช ตอนที่ 1
- จุดเปลี่ยน อุดม แต้พานิช ตอนที่ 2