วิธีหาเงินบนโลกไอที ตอน : กลเม็ดโด่งดัง-ร่ำรวยด้วยเน็ตจาก "ดร.ป็อป" หากพูดชื่อ ฐาวรา สิริพิพัฒน์ หลายคนอาจงงว่าเป็นใครหนอ แต่หากพูดถึง "ดร.ป็อป" นามปากกาเจ้าของผลงาน The White Road หลายคนจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที บทความนี้ดร.ป็อปจะชี้ทางให้ทุกคนโดยเฉพาะนักศึกษาได้รับรู้กลเม็ดเด็ดพรายในการเล่นอินเทอร์เน็ตให้ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งชีวิตของดร.ป็อปคือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่ากลเม็ดนี้ใช้ได้จริง ๆ[แผ่นป้ายประชาสัมพันธ์งานเปิดตัวนิยาย The White Road โดย ดร.ป็อป ฐาวรา สิริพิพัฒน์ ]
***เล่นเน็ตอย่างไรให้ดังและรวย
(บทความโดย ฐาวรา สิริพิพัฒน์)
เดอะไวท์โรดถือกำเนิดครั้งแรกตอนป๊อบอายุ 14 และมันกลายเป็นที่รู้จักทั่วประเทศตอนป๊อบอายุ 16 บนอินเตอร์เน็ตที่ www.dek-d.com โดยป๊อบไม่รู้ตัวเลยว่าพ๊อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกในชีวิตของป๊อบนั่นเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า Blog
Blog คือพื้นที่บนอินเตอร์เน็ตที่คนสามารถอัปเดทเรื่องราวทุกอย่างได้โดยอิสระ มันจะมีสาระหรือไม่ก็ได้ คุณแค่พิมพ์ข้อความลงไป อาจเพิ่มแต่งรูปภาพให้มีความสนใจ ใส่คลิป เมื่อเป็นที่สมจริงก็คุณเผยแพร่มันออกไป ทันใดนั้นชาวเน็ตก็สามารถเข้ามาผลงานของคุณได้ทันที
ตอนไวท์โรดเกิดขึ้นครั้งแรกบนอินเตอร์เน็ต (ประมาณปี 2544) Blog ยังไม่บูมในประเทศไทยเท่าไหร่นัก สิ่งที่ป๊อบทำกับไวท์โรดคือการอัปเดทนิยายของตัวเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้อ่านได้ติดตาม อะไรดีไม่ดีจากผู้อ่านเราก็รับมาปรับปรุงแก้ไข มีการโต้ตอบระหว่างเรากับผู้อ่าน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน
นั่นแหละคือธรรมชาติและลักษณะของ Blog ซึ่งทำให้ป๊อบตระหนักว่า “แม้คุณจะเป็นนักเรียนนักศึกษาก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างรายได้!”
หลังจากไวท์โรดได้ถือกำเนิดเป็นพ๊อกเก็ตบุ๊คส์ มันก็จุดกระแสให้เด็กไทยหลายคนหันมาเขียนนิยายบนอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น เมื่อมีคนสร้าง Blog มาก แน่นอนว่าก็ย่อมมี “ผู้แข่งขัน” มากขึ้นตามไปด้วย นั่นส่งผลให้การเป็น “นักเขียนออนไลน์ที่โด่งดัง” ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน สมัยไวท์โรดเกิดใหม่ๆ มีนิยายไม่กี่สิบเรื่องบนเว็บเด็กดี มันจึงส่งผลทางบวกให้นิยายทุกเรื่องสามารถถูกสังเกตเห็น หรือมีอัตราการ Awareness ที่สูง แต่ตอนนี้มี Blog บนเด็กดีดอทคอมเป็นแสนเรื่อง? และทุกเรื่องล้วนแต่งโดยนักเขียนที่อยากจะมีผลงานเป็นของตัวเอง![ปกหนังสือ The White Road]
ประเด็นก็คือไม่มีทางที่ Blog ทั้งหมดจะสามารถถูกอ่านได้ คำถามจึงอยู่ที่ Blog ประเภทใดที่จะเตะตาผู้อ่าน?
คำตอบก็คือ Blog ที่ถูกสปอร์ตไลท์สาดใส่เขาตูมใหญ่ๆ
ท่ามกลางกระแสของการสร้าง Blog ที่บ้ากระหน่ำ Blog ที่แตกต่างและน่าสนใจเท่านั้นที่จะได้รับการเหลียวแลจากผู้อ่าน ซึ่งถ้าคุณอยากจะเป็น Blog ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ล่ะก็ การเหลียวแลไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่คุณต้องการ
แต่คุณต้องทำให้เขาเหลียวแลซ้ำหลายๆ ครั้ง จนในที่สุดก็กลายเป็นติดพันอยู่ใน Blog ของคุณ เป็นแฟนประจำของคุณ หนักที่สุดคือกลายเป็นแฟนคลับ หรือ แฟนพันธุ์แท้ของคุณ เมื่อถึงจุดนั้นคุณจะไม่ได้เป็น “นักเขียน Blog หรือ Blogger” แต่คุณจะกลายเป็น “Blogger ที่สามารถมีรายได้” หากเรื่องของคุณมีคนอ่านมากขึ้นๆ มันจะส่งผลทำให้ผลงานของคุณติดอันดับบทความยอดนิยม แน่นอน การได้เสนอหน้าแผ่หลาบนหน้าแรกของเว็บไซต์ย่อมทำให้คนเห็นผลงานคุณมากขึ้น อัตราการ Awareness ของคุณสูงขึ้น และคุณก็อยู่ในจุดที่โดดเด่น เป็นดาราที่มีแสงสปอร์ตไลท์สาดใส่ คุณจะได้รับความสนใจทั้งจากนักอ่านและจากสำนักพิมพ์
หลายคนได้รับการติดต่อไปตีพิมพ์มีผลงานเป็นตัวเอง กลายเป็นนักเขียนที่หลายคนรู้จัก เช่น แสตมป์เบอร์รี่ เจ้าปลาน้อย ลูกชุบ พวกเขาเหล่านี้คือนักเขียนที่มีผลงานติดอันดับ Best seller มาโดยตลอด
Blog งานเขียนของป๊อบเองก็ขึ้นอันดับ 1 บ่อยๆ ครั้ง คนจึงเห็นเรา สนใจเรา คลิกเข้ามาดูเรา นำไปสู่การมีผลงาน ถือเป็นสร้างรายได้จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างมากมายมหาศาลตั้งแต่เป็นนักเรียนนักศึกษากันเลยทีเดียว
แล้วจะทำยังไงให้คุณได้มีโอกาสเป็น Blog ที่คนสนใจล่ะ?
1.คุณต้องอัปเดทสม่ำเสมอ
การอ่านบทความบนอินเตอร์เน็ตก็เหมือนกับการคุยกับเพื่อนสักคน การอัป Blog ก็เหมือนกับการเข้ามาในห้องเรียน ถ้าเข้าไม่บ่อย ใครจะไปจำคุณได้ เข้าๆ ขาดๆ หายๆ บางทีอาจเข้าใจว่าตายไปแล้วหรือเปล่า คนก็ไม่สนใจ
แต่ถ้าคุณเข้าเรียนทุกวัน อัป Blog ทุกวันแม้คนจะไม่รู้จักแต่เขาจะเห็นคุณทุกวัน อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคุณแต่งตัวยังไง หน้าตาแบบไหน ยังไม่รู้ชื่อแต่ก็บอกได้ว่าเห็นบ่อยครั้ง นี่คือจุดเริ่มต้นของ Blogger ที่จะประสบความสำเร็จ นั่นคืออัปเดทบ่อยๆ
2.อัปเดทให้แตกต่าง
นิยายแบบไหนหรือ Blog แบบไหนที่มันเคยประสบความสำเร็จมาแล้วอย่าไปเดินตามเขา ช่วงไวท์โรดออกมามีเด็กหลายคนอยากเป็นนักเขียนก็เลยพากันสร้างแฟนตาซีมีโรงเรียนกันถล่มทลาย เดี๋ยวโรงเรียนโน่นนี่ ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม เหมือนเวลาดูเสื้อ เจอแต่สีเดิมๆ แบบเดิมๆ คนก็ไม่สนใจ
จนกระทั้งมาถึงช่วงหนึ่งที่มีนิยายรักเกาหลีจุติบนโลกไซเบอร์ มันก็กลายเป็นเสื้อสีใหม่ที่มาแต่งแต้มวงการหนังสือ ทำให้คนฮือฮาไปกับมัน ทุกคนเกาหลีกันหมด เกากันทั้งวัน เกากันทุกเพศทุกวัย ในที่สุดเมื่อเกากันมากๆ มันก็กลายเป็นเสื้อเดิมอีกครั้ง
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของ Blogger หน้าใหม่ที่ต้องสรรหาหนทางว่าจะทำยังไงให้เรื่องของเราไม่เหมือนใคร ให้เป็นของใหม่ที่คนอยากสนใจ ให้เขารู้ว่า “เฮ้ย ไม่เคยเห็น” ไม่ใช่ให้เขารู้สึกว่า “ก็แบบเดิม” เผลอๆ จะพาลไม่คลิกไม่สนใจเอา
3.การตกแต่ง
การตกแต่ง Blog ก็เหมือนเดิมการตกแต่งบ้าน มันจะสะท้อนความเป็นตัวคุณผ่านสีสัน ลวดลาย และอะไรอีกหลายอย่างจิปาถะ
คำถาม : คุณควรจะแต่งบ้านแบบไหน? คำตอบ : แต่งให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
หาก Blog นิยายของคุณเป็นอะไรที่โหดร้ายป่าเถื่อนซาดิสม์อมหิตวิปลาส ก็ให้มันทึมๆ หม่นๆ สร้างอารมณ์ขนพองสยองเกล้ากันหน่อย ถ้าเป็น Blog นิยายแนวรักกุ๊กกิ๊กก็สีหวานๆ ให้ดูสดชื่นหน่อย Blog นิยายแฟนตาซีก็ให้มันดูมีพลังขึ้นมาหน่อย ถ้าเป็น Blog บทความทั่วไปก็ให้เรียบง่ายเข้าไว้
คุณจะตกแต่ง Blog ตัวเองยังไงก็ได้แต่อย่ามากไป บางคนพอริจะทำ Blog แฟนตาซีพ่อก็ใส่มังกรไฟบินว่อนไปทั่วบทความ พ่นไฟซู่ๆ ซ่าๆ มีเพลงโหมโรงอลังการปิดแทบไม่ทัน มาครั้งมันฟังดูรำคาญและน่าหนวกหูป่วยจิตยิ่งนัก Blog นิยายรักบางอันก็หิมะตกกันเต็มหน้าจอ ซานต้าครอสบินผ่าน กินรีโฉบลงมา อะไรก็ไม่รู้ ดูรกและไม่อยากเยี่ยมชม ทุกอย่างควรจะมีแต่แบบพอดี ถ้าไม่มีเลยก็แย่เหมือนกัน
4.การตอบสนองผู้เข้าชม
อย่ายึดติดภาพว่า “เป็นนักเขียนต้องเย่อหยิ่งสูงส่งหงส์แดง” ไม่ใช่ หมดสมัยแล้ว ถ้าริจะเป็น Blogger ที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้จักพูดคุยกับผู้คนบ้าง
ป๊อบโชคดีที่เกิดเป็นพวกช่างจ้อ พูดมาก และพูดเยอะ ป๊อบชอบโต้ตอบสนทนากับผู้คนไปเรื่อย ใครพิมพ์อะไรมาก็ตอบเขาบ้าง ให้เขารู้สึกว่าไม่ได้พูดคนเดียว เดี๋ยวเขาจะนึกเสียวว่า “ฉันบ้าหรือเปล่า?” ไปๆ มาๆ งอน ตีจากเราไป เสียนักอ่านไปอีกหนึ่งคน ไม่คุ้มกันเลย
ป๊อบถือว่าเป็นมารยาทนะ พูดมาต้องตอบสนอง ถ้าไม่ต่อหน้าไม่กล้ากลัวว่าจะปล่อยไก่ก็ส่งเมลไปก็ได้ครับ ไม่เห็นเป็นไร เพื่อเขารู้สึกว่าเราใส่เขา เขาก็จะติดตามเราบ่อยๆ ครับ
5.อย่าลืม Contact Us
บอกเขาด้วยล่ะว่าจะติดต่อเราได้ยังไง ทางอีเมล facebook Twitter เบอร์โทร ที่อยู่ ไม่งั้นถ้าเขาสนใจเรา แต่ไม่รู้จะติดต่อเรายังไงก็สูญเปล่านะครับ และคนที่สามารถติดต่อได้ เข้าถึงได้ ย่อมนำมาซึ่งความน่าสนใจนะ
นี่คือ 5 ข้อหลักที่จะทำให้ blog ของเราเป็นที่น่าสนใจครับผม
ทว่าปัจจุบันการหารายได้ของนักเรียนนักศึกษาไม่ได้จำกัดแค่การเขียนนิยายครับ เพราะหลายคนก็สามารถหารายได้จากอินเตอร์เน็ตได้โดยเขียน Blog แนวเรื่องทั่วไปที่สังคมสนใจ
ตัวอย่างของ Blog ทั่วไปที่ประสบความสำเร็จมากและมีคนเข้าชมเป็นล้านนั่นคือ Blog ของ PuPe_so_Sweet (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet) หลายคนรู้จักเขาคนนี้ในชื่อ “ปูเป้” ครับผม พี่ปูเป้เขียน Blog เกี่ยวกับเครื่องสำอางครับ แต่ไม่ใช่ขายเครื่องสำอาง เป็น Blog วิจารณ์เครื่องสำอางอย่างเผ็ดร้อนเลยล่ะครับ! หลายคนอาจจะมองว่า “โอ๊ย เครื่องสำอางไร้สาระ” แต่เปล่าเลย มันเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการทั้งชายหญิง ไม่เกี่ยงเพศ เพราะปัจจุบันรูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญต่อหน้าที่การงานใช้น้อยนะครับท่านทั้งหลาย
พี่ปูเป้เป็นคนที่ศึกษาเครื่องสำอางจากส่วนประกอบเป็นอย่างดี จากนั้นก็เอามาติ วิจารณ์เครื่องสำอางต่างๆ โดยอิงจากส่วนประกอบ เป็นการเขียน Blog ที่ผสมผสานความรู้ที่น่าเชื่อถือบวกกับประสบการณ์ตรงทำให้คนติดตามกันอย่างเหนียวแน่น ส่งผลให้พี่ปูเป้ได้รับการทาบทามจากสำนักพิมพ์ และได้มีหนังสือตีพิมพ์เป็นของตัวเองเล่มแรกนั่นคือ “สับแหลสวยไม่โง่” ซึ่งเป็น Best Seller อยู่ในขณะนี้
จากคนเขียน Blog ธรรมดาก็กลายเป็นนักเขียนหนังสือขายดีมีรายได้ทั้งจากหนังสือ จากอีเวนท์ต่างๆ และจากโฆษณาต่างๆ ในเว็บ สุดยอดเลยไหมล่ะครับ
ทว่าการหารายได้บนอินเตอร์เน็ตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเขียน Blog เพียงอย่างเดียว เพราะ Facebook กับ Twitter ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการหารายได้เหมือนกัน
ถ้าสำหรับป๊อบในฐานะนักเขียน ป๊อบใช้ Facebook เป็นหน้า Fan page เพื่อกระจายข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับตัวเรา มีส่วนของบทความ ส่วนของสินค้าต่างๆ โปรโมตที่หน้าเว็บสำหรับผู้สนใจ มีพื้นที่ให้เขาสามารถโต้ตอบกับเราได้ รวมทั้ง Twitter ป๊อบก็สามารถใช้กระจายข่าวสารได้เช่นกัน
แต่ประเด็นก็คือ อย่ายัดเยียดการขายของให้ผู้อ่านมากเกินไปครับ
คนที่ตามเราบน Facebook หรือ Twitter บางครั้งเขาอยากรู้เรื่องราวของเราบ้าง ไม่ใช่เอะอะๆ ก็ขายของกันตูมๆ ป๊อบจะอัปทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวสลับกันไป เพราะถ้าไม่อัปงานเลยก็ไม่ได้ มีคนอยากติดตามงานเราเหมือนกัน อัปงานอย่างเดียวก็ไม่ได้ เราไม่ใช่พ่อค้า เผลอๆ ป๊อบจะเน้นเรื่องส่วนตัวมากกว่าด้วยซ้ำครับผม
เพราะป๊อบต้องการให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเราเป็น “คน” ไม่ใช่ “คนขายของ” เหมือน “เพื่อนสนับสนุนเพื่อน” ไม่ใช่ “ลูกค้าสนับสนุนผู้ขาย”
ทว่าก็มีผู้เล่น Twitter หรือ Facebook บางประเภทที่เจาะจงตัวเองเลยว่าเป็นสื่อเฉพาะไปเลย ยกตัวอย่างเช่น Facebook ขององค์กรต่างๆ แบรนด์ต่างๆ สินค้าต่างๆ เครือข่ายของพวกเขาก็จะมีแนะนำโปรโมรชั่น สินค้าตัวใหม่ตลอดเวลา ซึ่งแฟนๆ ของสินค้าก็สามารถไปสมัครเป็นแฟนได้
แต่ที่ป๊อบจะยกตัวอย่างคือเหล่า Facebook ที่ทำขึ้นอย่างสร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร เช่น แมกาซีนออนไลน์ Poppaganda ซึ่งเป็นชื่อใหม่ของนิตยสาร Pop ที่เราหลายคนคงเคยได้ยิน (www.facebook.com/poppaganda)
Facebook นี้จะอัปเดทบทความวิจารณ์ ไลฟ์สไตล์ และความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับอารยธรรมป๊อบทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ สถานที่ท่องเที่ยว อุปกรณ์ไฮเทค บลาๆ สารพัด และที่ทำให้คนติดตามกันเหนียวแน่นก็เพราะภาษาเจ็บๆ โดนๆ ที่เปรี้ยวเข็ดฟันเสมอ ส่งผลให้หน้าเว็บไซต์ของ Poppaganda มีโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ไปในตัวเหมือนกัน
อ้อ แล้ว Facebook ยังมีโปรแกรมให้คุณสามารถสร้างโฆษณาเองได้ด้วยนะครับ
คุณต้องสมัคร Paypal ระบบจ่ายเงินทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็เสกสรรปั้นแต่งแคมเปญโฆษณาของคุณได้อย่างอิสระเสรี เลือกไปซิว่าจะเจาะกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ การศึกษาระดับใด และสิงสถิตอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด เมื่อสรุปจำนวนกลุ่มเป้าหมายจนพอใจก็กดตกลง แล้วก็ไปตั้งราคาครับ ตรงนี้น่าตื่นเต้นมาเลยนะ คุณต้องเลือกว่าจะโฆษณาแบบไหน
1.CPC (Cost Per Click) คิดเงินตามจำนวนคลิกบนโฆษณาของคุณ
เช่น คลิกหนึ่งครั้งคุณยอมเสียสัก 0.5 เหรียญอเมริกา
2.CPM (Cost Per Mile Or cost Per Thousand) คือคิดเงินตามจำนวนคนที่เห็นโฆษณาของคุณต่อหนึ่งพันครั้ง เช่นว่า คุณยอมเสียสัก 0.5 เหรียญอเมริกาเพื่อให้คนเห็นโฆษณาของคุณ 1000 พัน
จุดประสงค์ของโฆษณาแต่ละรูปแบบนั้นต่างกันไปตามความต้องการของคุณ ยิ่งคุณจ่ายมากเท่าไหร่ โฆษณาของคุณก็จะยิ่งแสดงถี่มากขึ้นเท่านั้นครับ อัตราของค่าโฆษณาที่คุณต้องจ่ายต้องครั้งจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และเงื่อนไขของกลุ่มเป้าหมายด้วยนะครับ เช่น ดึกๆ สำหรับวัยรุ่น ขั้นต่ำที่โฆษณาคุณจะได้แสดงอาจจะเป็น 0.15 เหรียญต่อคลิก อะไรก็ว่าไป ไม่ตายตัวครับผม
หากโฆษณาของคุณโดนใจ คุณก็จะสมัครมาเป็น Fan มากขึ้น ส่งผลให้รายได้ของคุณมากขึ้นตามไป
ยังครับ ยังไม่หมด หากคุณคิดจะหารายได้ขณะเป็นนักเรียนนักศึกษาล่ะก็ Youtube ก็เป็นไม้เด็ด
นักเรียนนักศึกษาแต่ละคนย่อมมีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว หากคุณมั่นใจว่าความสามารถของคุณเจ๋งและแน่จริงล่ะก็ อัปคลิปลง Youtube เลยครับผม เช่น คุณเล่นกีตาร์เป็น ก็สอนกีตาร์ผ่านยูทูป เขียนโปรแกรมเป็น ก็สอนการใช้โปรแกรม หรือแม้แต่การทำอาหาร สอนเต้น เลี้ยงสัตว์ ซ่อมโน่นซ่อมนี่ มิกซ์เพลง แต่งเพลง แล้วคุณก็ทิ้งอีเมลติดต่อตัวเองเอาไว้ คราวนี้ใครสนใจก็จะมาจ้างคุณเอง
ยกตัวอย่างเพื่อนป๊อบเลย เขาชื่อาลี อาลีเป็นคนรักการเต้นมาตั้งแต่เด็ก ระหว่างเรียนเขาก็แข่งเต้น ออกแบบท่าเต้นมาตลอด และทุกครั้งเขาก็จะเอาคลิปไปลงใน youtube (http://www.youtube.com/alirezar4) จนในที่สุดผลงานก็เตะตา ปัจจุบันอาลีเป็นครูสอนเต้น เป็นนักเต้น Backup ให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย มีรายได้ไม่ขาดสาย
หรือนักเต้นที่ชาว Youtube รู้จักกันดีแบบ Luam (http://www.youtube.com/user/luamworld) เธอเป็นนักเต้นที่บูมมาก คลิปเต้นแต่ละอันของเธอมีคนเข้าชมเป็นหมื่นเป็นแสน จนในที่สุดเธอก็เปิดโรงเรียนสอนเต้นเป็นของตัวเอง ลูกศิษย์ลูกหาเยอะมากๆ เลย
อีกตัวอย่างที่มาแนวสร้างสรรค์มากๆ คือเพื่อนของป๊อบชื่อ ลูกกอล์ฟ จากรายการ LG & Friend ตอนไปเรียนที่อังกฤษลูกกอล์ฟได้ถ่ายวีดีโอบล๊อกประสบการณ์ของตัวเองเอาไว้ เมื่ออัปลงอินเตอร์เน็ตปรากฏว่ามีคนติดตามมากมาย เป็นที่พูดถึง ด้วยการนำเสนอที่แปลกแหวกแนวส่งผลให้ลูกกอล์ฟโด่งดังเป็นเซเลปบนอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันลูกกอล์ฟกลายเป็นนักแสดงซีรีส์ซิตคอมเรื่อง “เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” และกำลังเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษชื่อว่า “Angkriz” อีกด้วย
ตัวป๊อบเองก็มีผลงานเพลงมากมาย หลายครั้งที่ป๊อบทำ remix เพลงที่ชอบลงใน youtube (http://www.youtube.com/drpop2009) พอคนเห็นความสามารถเราเขาก็มาติดต่อให้ทำให้เขา มีหลายชาติเลยครับทั้งอังกฤษ อเมริกา กลายเป็นว่าเราสามารถโฆษณาผลงานเราได้ฟรีๆ และได้รายได้ดีด้วย
เห็นไหมครับ ไม่ว่าคุณจะมีทักษะความสามารถด้านใด หากคุณกล้าพอและแน่จริง Youtube สร้างรายได้ให้คุณได้แน่นอนครับ
จากสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั่นแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แต่หากคุณมีใจรักในอะไรสักอย่าง สร้างเครือข่ายของคุณขึ้นมา คุณก็สามารถหารายได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า “การสร้างเพื่อนนั้นสำคัญกว่าการสร้างลูกค้าเสมอ” ยัดเยียดการโฆษณาบ้าระห่ำปวดตับมากเกินไป เขาก็จากคุณไปง่ายๆ นะครับ
ดังตัวอย่างที่ยกมาทั้งหลายทั้งปวงคุณคงเห็นแล้วว่าอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นช่องทางในการหารายได้ที่ดีมาก เพราะ
1.ไม่ต้องลงทุนมากนัก - อยู่บ้านก็ทำได้ นั่งเฉยๆ ชิลๆ กดๆ จิ้มๆ
2.ดีไซน์ได้ตามความชอบใจ – ตกแต่งได้ตามความต้องการ แต่ต้องมีความรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับหนึ่ง
3.โต้ตอบกับผู้อ่านได้ – อันนี้สำคัญมาก เขาต้องการอะไรบอกเขา เขาพูดอะไรเราได้ยินเขา
แต่ข้อเสียของมันก็มีเหมือนกัน
1.เว็บเยอะ การแข่งขันสูง ต้องเด่น ต้องโดน คนจะติดตาม
2.การแสดงความเห็นมีอิสระสูงมาก พวกป่วนๆ เยอะ บางทีมีคำพูดดิสเครดิต
3.บางคนเห่อเป็นช่วงๆ พอไปถึงจุดหนึ่งก็หยุดทำ เสียฐานผู้เข้าชม ลงทุนแล้วสูญเปล่า
ป๊อบหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย การหารายได้ทางอินเตอร์เป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป เพียงแค่คุณต้องใจ เสมอต้นเสมอปลาย มีความคิดสร้างสรรค์ และบริหารตัวเองได้ คุณจะประสบความสำเร็จแน่นอนครับผม
ขอบคุณครับ ^O^
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
อ่านละครเรื่อง นาคี
-
อ่านละครเรื่อง นาคี (ตอนล่าสุดคลิก) อ่านละครเรื่อง นาคี ละครเรื่อง นาคี
บทประพันธ์โดย ตรี อภิรุม ละครเรื่อง นาคี บทโทรทัศน์โดย สรรัตน์
จิรบวรวิสุทธิ์ ละครเ...