“อีโคไล” เชื้อโรคมหาภัย ไทยก็ต้องเฝ้าระวัง!!

เรื่องราวต่างบนโลกใบนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้ายแรงต่าง ๆ ประชาชนชาวโลกสามารถรับรู้ถึงข่าวคราวได้ทันทีแบบไร้พรมแดน ปัจจุบันนี้ชาวโลกได้รับรู้เรื่องเชื้อโรค “อีโคไล” ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งได้ระบายแถบประเทศยุโรป คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่าสิบศพที่ประเทศเยอรมนี และล้มป่วยด้วยการติดเชื้อดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า 500 ราย อันมีสาเหตุจากแตงกวาที่นำเข้ามาจากประเทศสเปน
การระบาดของเชื้อโรค “อีโคไล” ทำให้ทั่วโลกต่างตื่นตัวเฝ้าระวังพืชผลทางเกษตรต่าง ๆ ที่มาจากประเทศแถบยุโรป แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่สามารถชัดเจนได้ว่าเชื้อ “อีโคไล” แพร่ระบาดได้อย่างไร เพราะพบการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไลจากแตงกว่าจำนวน 2 ผลที่ได้มีการตรวจสอบจำนวน 4 ผล และทางเยอรมนีก็ยังคงวิเคราะห์แตงกวาอีก 2 ผลอย่างละเอียดต่อไป เพื่อให้ทราบที่มาอย่างแน่ชัด

ชื่อเชื้อโรค “อีโคไล” คนไทยเองยังไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้เท่าไหร่นัก บางคนฟังชื่อแล้วอาจจะงงว่าเชื่อโรคอะไร เมื่อการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบันนี้ ก็ย่อมทำให้ทุกคนต้องหาทางป้องกันระวังภัยจากเชื้อร้ายของ “อีโคไล” โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐก็ต้องเฝ้าระวังด้วยความไม่ประมาท

เพื่อให้คนไทยรู้จัก “อีโคไล” กันมากขึ้น ได้ค้นคว้าหาข้อมูลมาบอกให้ทราบว่า “อีโคไล” มาจากชื่อเต็มภาษาอังกฤษว่า Escherichia coli แต่ฝรั่งนิยมเรียกชื่อว่าว่า E.coli ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งในกลุ่มโคลีฟอร์ม มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ แบคทีเรียชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องร่วมอุจจาระบ่อย ๆ ทำให้ถ่ายเป็นอุจจาระเหลวจนกระทั้งเป็นน้ำ เป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาผู้ที่ได้รับเชื้ออีโคไล อาการมักจะไม่รุนแรง เพราะทั้งผู้ใหญ่และเด็กมีภูมิต้านทานอยู่บ้างแล้ว เพราะอาจได้รับเชื้อเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย เชื่ออีโคไลนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือ มือของผู้ประกอบอาหาร โดยปกติเชื้อนี้อาจจะสามารถตรวจพบในอุจจาระของมนุษย์อยู่แล้วแม้จะไม่มีอาการแสดงอะไรออกมาก็ตาม

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเชื้อโรคอีโคไล ที่ในอดีตตรวจพบมักจะไม่เป็นอันตรายมาก แต่ปัจจุบันนี้เชื้ออีโคไล กลายเป็นเชื้อมหาภัยที่น่ากลัว เพราะผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไปแล้วยังสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสพ เกิดภาวะโรคไตเสื่อม จนถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้อย่างไม่คาดคิด

สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับเชื้อโรคร้าย “อีโคไล” นั้น เชื้อร้ายนี้มีระยะฟักตัวอยู่ประมาณ 3-4 วัน และจะปรากฏอาการในเวลา 3-4 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ โดยจะเริ่มอาการท้องเสียเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และพบเลือดปนกับอุจจาระ

กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ “อีโคไล” มากที่สุด ก็คือ ผู้สูงอายุ เล็ก และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันการทำงานผิดปกติ เนื่องจากมีความต้านทานเชื้อโรคนนี้ได้น้อยกว่าบุคคลปกติทั่วไป

ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อโรคอีโคไลโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกันการได้รับเชื้ออีโคไลจากการรับประทานอาหารไม่สะอาด เพราะเชื้อนี้ปนเปื้อนมาจากพืชผลทางเกษตรและอาหารที่ปรุงอย่างไม่สะอาด

เชื้อโรค “อีโคไล” นี้ได้มีการระบาดเป็นพัก ๆ แล้วก็หายไป มิใช่เพิ่งมาแพร่ระบาดในช่วงปี 2554 นี้ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งระหว่างปี 2539-2540 เชื้อโรคอีโคไล ก็เคยระบาดที่ประเทศอังกฤษ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปกว่า 20 ศพ ต่อมาในปี 2551 ประเทศอังกฤษก็พบการระบาดของ “อีโคไล” อีก โดยมีผู้ที่ได้รับเชื้อมหาภัยนี้ถึงเกือบพันราย

แม้ว่าเชื้อ “อีโคไล” จะพบการระบาดบ่อย ๆ ในแถบประเทศยุโรป ไม่ค่อยจะพบการระบาดในประเทศแถบเอเชีย หรือแม้แต่ประเทศไทย ซึ่งอาหารของผู้ที่ได้รับเชื้ออีโคไลจะใกล้เคียงกับ “อหิวาตกโรค” ที่คนไทยรู้จักกันดีก็ตาม แต่ก็อยากให้คนไทยทุกคนตั้งมั่นด้วยความไม่ประมาทที่ต้องควรเฝ้าระวังเชื้อโรคร้าย “อีโคไล”

เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ ในโลกปัจจุบันนี้ก็ไร้พรมแดนเช่นกัน.
ที่มา เดลินิวส์