"10 อันดับ รวยที่สุดในโลก"

"10 อันดับ รวยที่สุดในโลก"

เป็นประจำทุกปีที่นิตยสาร "ฟอร์บส์" นิตยสารด้านเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานผลการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีทั่วโลก ซึ่งในปี 2550 ผลการจัดอันดับ เปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) ปรากฏว่า

นายบิล เกตส์ วัย 51 ปี ชาวสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ยังครองแชมป์เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 13 มีทรัพย์สินรวม 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1,960,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับ 2 ยังคงเป็นนายวอร์เรน บัฟเตต์ วัย 76 ปี ชาวสหรัฐฯ ประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธอะเวย์ อินคอร์ปอเรชั่น มีทรัพย์สิน 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,820,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อันดับ 3 ได้แก่นายคาร์ลอส สลิม เฮลู วัย 67 ปี ชาวเม็กซิกัน เจ้าพ่อวงการสื่อสารโทรคมนาคม มีทรัพย์สินรวม 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,715,000 ล้านบาท

"3 เศรษฐีไทยรวยติดอันดับโลก"

สำหรับคนไทยที่ติดอันดับความร่ำรวยของนิตยสารฟอร์บส์ ยังคงเป็น 3 มหาเศรษฐีคนดัง คือ

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 62 ปี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้างและอื่นๆ ความร่ำรวยอยู่ที่อันดับ 264 มีทรัพย์สินรวม 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 119,000 ล้านบาท ร่วงจากอันดับ 214 ของปีที่แล้ว

นายเฉลียว อยู่วิทยา วัย 75 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ติดอันดับ 279 มีทรัพย์สินรวม 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 108,500 ล้านบาท จากอันดับ 292 ของปีก่อน

และนายธนินท์ เจียรวนนท์ วัย 67 ปี เจ้าของกลุ่มธุรกิจเครือซีพี ติดอยู่ที่อันดับ 390 มีทรัพย์สินรวม 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 84,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วอยู่ที่อันดับ 317

ฟอร์บส์ระบุว่า ในปี 2550 อภิมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 946 คน ทำให้ยอดทรัพย์สินโดยสุทธิเพิ่มขึ้น 35% หรือจำนวน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ในปีนี้มีเศรษฐีหน้าใหม่ถูกจัดอันดับโลก จำนวน 178 คน อาทิ นายโฮวาร์ด ชูลตซ์ เจ้าของร้านกาแฟชื่อดัง สตาร์บัคส์ อยู่ที่อันดับ 840 มีทรัพย์สินรวม 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 38,500 ล้านบาท นายไมเคิล ไอส์เนอร์ อดีตเจ้าของสวนสนุกวอลต์ ดิสนีย์ อยู่ที่อันดับ 891 มีทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท และนางหยาง ชุง ประธานบริษัทกระดาษไนน์ ดรากอนส์ เปเปอร์ ของจีน และเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในจีน อยู่ที่อันดับ 390 มีทรัพย์สินรวม 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับอันดับของนายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวเครือซีพี

"สะท้อนภาวะเศรษฐกิจโลก"

นายสตีฟ ฟอร์บส์ บรรณาธิการนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวว่า การที่มหาเศรษฐีทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเคลื่อนตัวอย่างรวด เร็ว แสดงให้เห็นการเติบโตของธุรกิจประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค ความเจริญรุดหน้าด้านเทคโนโลยีและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนตัวลง ผู้คนจำนวนมากขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าก่อน ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การบูมของสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ทำให้ประชาชนทั่วโลกหลายร้อยล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่กระเตื้อง แน่นอนว่าต้องมาจากเทคโนโลยีด้วย

ขณะเดียวกัน ลุยซา ครอลล์ บรรณาธิการร่วมนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ร้อนฉ่าสำหรับภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ มหาเศรษฐีในอินเดียมีจำนวนเพิ่มเป็น 36 คน โค่นแชมป์เก่าชาติญี่ปุ่นลงไปได้ โดยญี่ปุ่นมีมหาเศรษฐีเพียง 24 คน แต่หากนำเศรษฐีในจีน 20 คน และฮ่องกง 21 คน มารวมกันแล้ว จะทำให้มีจำนวนถึง 41 คน มากกว่าอินเดีย เช่นเดียวกับสเปนและรัสเซีย

"เศรษฐีใหม่เพิ่มมากขึ้น"

ก็มีเศรษฐีหน้าใหม่จำนวนไม่น้อย โดยสเปนมีเพิ่ม 10 คน รัสเซียเพิ่ม 19 คน อย่างไรก็ดี ฟอร์บส์ให้ระมัดระวังการประเมินทรัพย์สินในรัสเซีย เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ยังอยู่ในสถานะไม่มั่นคงนัก ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ชาติที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ ตุรกี ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อายุโดยเฉลี่ยของบรรดาอภิมหาเศรษฐีปีนี้ อยู่ที่ 62 ปี สตรีที่ร่ำรวยที่สุดของโลกได้แก่ นางลิเลียน เบตเทนคอร์ต วัย 84 ปี ชาวฝรั่งเศส บุตรสาวยูจีน ชูลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทลอรีอัล โดยอยู่ที่อันดับ 12 มีทรัพย์สินรวม 20,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 724,500 ล้านบาท ส่วนมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุด ได้แก่ นายอัลเบิร์ต วอน วัย 23 ปี ชาวเยอรมัน ทายาทมรดกทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 70,000 ล้านบาท อยู่ที่อันดับ 488 ปัจจุบันอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูล เมืองรีเกนสเบิร์กและไม่เคยทำงาน

อันดับ 4 นายอินกวาร์ แคมพ์ราด วัย 80 ปี ชาวสวีเดน และครอบครัว ผู้ก่อตั้งบริษัทไอเกีย มีทรัพย์สินราว 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,155,000 ล้านบาท

อันดับ 5 ได้แก่ นายลักษมี มิตทาล วัย 56 ปี ชาวอินเดีย เจ้าของธุรกิจเหล็กรายใหญ่ของโลก มีทรัพย์สิน รวม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,120,000 ล้านบาท ตามด้วย

นายเชลดอน อะเดลสัน วัย 73 ปี ชาวสหรัฐฯ เจ้าของธุรกิจบ่อนคาสิโน โรงแรม ครองอันดับ 6 มีทรัพย์สินรวม 26,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 927,500 ล้านบาท

อันดับ 7 นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ วัย 58 ปี ชาวฝรั่งเศส ประธานบริษัทแอลวีเอ็มเอ็น มีทรัพย์สินรวม 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 910,000 ล้านบาท

อันดับ 8 นายแมนซิโอ ออร์เตกา วัย 71 ปี ชาวสเปน ประธานบริษัทซารา มีทรัพย์สินรวม 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 840,000 ล้านบาท

อันดับ 9 นายลี กา-ชิง วัย 78 ปี ชาวฮ่องกง ผู้ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีทรัพย์สินรวม 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 805,000 ล้านบาท

และอันดับ 10 นายเดวิด ธอมสัน ชาวแคนาดาและครอบครัว ได้รับมรดกมีทรัพย์สินรวม 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 770,000 ล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวสารที่มีคุณภาพ จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ