เปิดใจ "นพดล ธรรมวัฒนะ" วันที่พายุผ่านพ้น?? ตระกูลนี้ "ต้องคำสาป" จริงหรือ (ตอนที่ 2)

“ชีวิตผมเปลี่ยนไป เพราะหมอพรทิพย์” เจ้าของบ้านธรรมวัฒนะ นพดล ธรรมวัฒนะ หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกมวน หลักฐานการผ่าศพจาก แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้กลายเป็นพยานชิ้นเด็ดที่ฝ่ายอัยการนำไปฟ้อง นพดล ให้ต้องตกเป็นฆาตกรสังหารพี่ชายตัวเอง

และนั่นทำให้นพดลยื่นฟ้องหมอพรทิพย์ต่อแพทยสภากรณีจรรยาบรรณแพทย์ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว โดย “เรื่องยังไม่ไปไหนเลย” และพ่วงด้วยฟ้องคดีอาญา กล่าวหาหมอพรทิพย์ สร้างพยานหลักฐานเท็จ อีกคดีด้วย

คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เมื่อ 2 กันยายน 2553 ตอนหนึ่ง มีว่า
“ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นว่า ในทางนำสืบเกี่ยวกับการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายทั้ง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกดำเนินการโดยสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2542 ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดเหตุเวลา 10.00 น. พบบาดแผลภายนอกที่ผิวหนังศีรษะ บาดแผลฟกช้ำต้นขาซ้าย ภายในพบบาดแผลมีรอยทะลุจากด้านขวาของสมองน้อย โดยสาเหตุการเสียชีวิต กระสุนปืนทำลายสมอง เชื่อว่า น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย

ส่วนการผ่าพิสูจน์ศพ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2546 โดยคณะของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และคณะแพทย์ รพ.รามาธิบดี พบบาดแผลภายนอกและภายใน โดยภายในพบกะโหลกขาด สมองแตกรุนแรง มีร่องรอยของกระสุนลูกปราย 20 เม็ดใต้ฐานสมอง และมีเศษกระสุนเล็กน้อยที่ต้นคอ ในหลอดลมพบเลือดที่เชื่อว่า ผู้ตายน่าจะมีการสำลักเลือดก่อนเสียชีวิต และแนวทางการยิงไม่น่าจะยิงในแนวระดับ เชื่อว่า ไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย แต่เป็นการจัดฉากฆาตกรรม

สำหรับการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2549 โดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากชมรมนิติเวชแห่งประเทศไทยตามที่นายนพดล ธรรมวัฒนะ ได้ให้ความเห็นว่า เป็นการยิงระยะประชิด พบการสำลักเลือดในปอด แต่ไม่พบสารหนูหรือสารกล่อมประสาทตกค้าง เชื่อว่า ขณะที่เสียชีวิตผู้ตายไม่ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่การตายโดยผู้อื่น แต่ร่องรอยของบาดแผลเข้ากับการกระทำด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นข้อมูลที่กระทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่การกระทำของผู้อื่น

ส่วนการพิสูจน์ผิวหนังใต้ศีรษะ ไม่พบรอยฟกช้ำ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในคดีอาญา โจทก์มีภาระที่จะต้องนำพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของจำเลย แต่ผลการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายทั้ง 3 ครั้ง กลับมีความเห็นตรงกันข้าม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ยังไม่สามารถที่จะทำให้เชื่อว่า จำเลยกระทำผิด

ส่วนในชั้นนำสืบโจทก์อ้างถึงปริมาณคราบเขม่าดินปืนที่หลังมือผู้ตายมีจำนวนน้อย ทั้งที่ขณะเสียชีวิต ผู้ตายกำปืนอยู่ ซึ่งในชั้นนำสืบก็มีอดีต ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน พยานจำเลย เบิกความกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ไม่มีข้อพิรุธ ส่วนการขัดแย้งเกี่ยวกับการฟ้องร้องแบ่งทรัพย์มรดกในครอบครัว หรือการที่ผู้ตายกำลังจะแต่งงานใหม่ ก็ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่า จำเลยเป็นผู้กระทำผิด

ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน”

แม้ผ่านมานานเป็นทศวรรษ แต่นพดลไม่เคยลืม มีคนพาไปหาสำนักงานทนายความหลายแห่งเพื่อแก้คดี “ผมเดินคอตกกลับมาทุกที ทุกคนเรียกผม ต่ำสุด 20 ล้าน 40-50 ล้าน”

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ในเมื่อจะหาความยุติธรรมให้ตัวเอง ก็ไปเรียนมันเสียเลย.....รู้แล้วรู้รอด
“ผมจบนิติศาสตร์ มีใบอนุญาตทนายความว่าความด้วยตัวเองได้ ที่เรียนเพราะคดีนี้แหละ เป็นทนายหลักให้ตัวเองก็ว่าได้ ผมพูดแต่แรก ให้เขาสืบพยานโจทก์เสร็จ ผมจะลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ แถลงศาลเลยว่า ท่านครับ ผมไม่ติดใจสืบพยาน ให้ศาลตัดสินเลย ผมเชื่อ ชนะคดี เพราะพยานหลักฐานมันไม่มีอะไรเลย...

ผมกล้าพูดได้เลย ผมไม่เคยขอเลื่อนศาล ตรงข้ามกับฝ่ายโจทก์ หาเหตุเลื่อนศาลเรื่อย อ้างตามพยานไม่ได้ พยานมี 3 กลุ่ม กลุ่มคนใกล้ชิด ญาติพี่น้อง กลุ่มคนรับใช้ในบ้าน กลุ่มทางนิติวิทย์ พยานตำรวจ คนรับใช้ที่บ้านหลายคนย้ายภูมิลำเนากลับบ้าน เขาก็ยื่นเป็นพยานร้อยห้าหกสิบปาก เขาบอกตามพยานไม่ได้ ขอเลื่อน ผมบอกไม่เป็นไร ผมตามให้ ออกเงินค่ารถให้ ตลกมั้ย แม้แต่ ดร.เอเดรียน ก็ไม่ยอมมาศาล 1 ปี 3 เดือน ไม่มีอะไรคืบเลย.....

ดร.เอเดรียน เค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืช ไปผ่านการฝึกอบรมนิติวิทยาศาสตร์ประมาณ 3 อาทิตย์ เหมือนเข้าสัมมนา ผมไปค้นหมดว่าผู้สมัครเรียนนิติวิทย์จะต้องดูอะไรบ้าง ผมยื่นให้ศาลหมด เป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง เสร็จแล้วก็ไม่มาเบิกความ เค้าอ้างผู้เชี่ยวชาญไปทั่วหมด เดนมาร์กบ้าง อะไรบ้าง แต่ถามว่า ชื่ออะไรก็ไม่รู้

ผมจะให้ดูว่าเขากล่าวหาผมยังไง เขานึกไม่ถึงว่า ผมจะเอา ดร.เฮนรี่ ลี เขาอ้าง ดร.เฮนรี่ ลี มาก่อนว่าห้างทองถูกฆาตกรรม ปรากฏว่า 25 พ.ย.2546 ผมสามารถติดต่อ ดร.เฮนรี่ ลี ได้ และดอกเตอร์ได้ส่งความเห็นมา ปรากฏว่า สื่อมวลชนไปสัมภาษณ์หมอพรทิพย์ เป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หมอพรทิพย์บอก เป็นสิทธิของนายนพดลที่จะไปเอาผู้เชี่ยวชาญมาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นว่า ตัวเองไม่ได้ฆ่าพี่ชาย ผมอยากถามราชบัณฑิตหรือคนไทยทั้งประเทศว่า พูดอย่างนั้นหมายความว่าไง แปลว่าผมฆ่าใช่ไหม”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่ขัดจังหวะการสนทนา เจ้าของบ้านแค่หยิบมันจากกระเป๋าส่งให้เลขาฯ รับสายแทน “ศพมันโกหกไม่ได้” ก่อนอธิบายถึงการทำงานอย่างหนักหน่วง เพื่อสู้กับหมอคนดัง

“เชื่อไหม คดีของพี่ห้างทองคดีเดียว ผมอัดข่าวหมอพรทิพย์และเก็บข้อมูลเฉพาะทางทีวีอย่างเดียว 200 กว่าชั่วโมง เช้าขึ้นตั้งแต่ตี 5 เธอให้สัมภาษณ์ ตั้งแต่รายการวิทยุ แล้วก็วิ่งรอกไปช่อง 3-5-7-9 งงเลยว่า มีวิธีการที่จะ ประชาสัมพันธ์ได้ดุเดือดมากเลย ผมอัดหมด

แล้วต้องดูคลิปข่าว มาตั้งเรียงกันมันสูงกว่าตัวผมอีก ลองนึกดู เอาหนังสือพิมพ์ที่เป็นข่าวมากองดู มันคิดไม่ออกเลย ถ้าเป็นงบทำพีอาร์ให้บริษัท ขายกันนาทีเท่าไหร่ นาทีละหลายแสน ถ้าผมต้องไปจ้างโฆษณา เอานาทีคูณ 200 ชั่วโมง แค่นาทีละแสน ใช้เงินเป็นหมื่นล้าน ยังทำไม่ได้เลย

ผมขึ้นศาลเกือบทุกวัน จันทร์ ถึงพฤหัสบดี เว้น ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ชีวิตแทบไม่ได้ทำอย่างอื่น ...มีการปลุกเร้าสังคม เกิดการพิพากษาไปอย่างรุนแรง คดีผม ติดคุกยังไม่ได้เลย ต้องประหารสถานเดียว ลดโทษก็ไม่ได้ เพราะฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คนที่ถูกฆ่า ก็พี่ชายเราอีกต่างหาก มันเป็นโทษที่แบบว่าไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ปรัชญากฎหมายทั่วโลก เขาถึงบอก ปล่อยคนชั่วร้อยคน ดีกว่าประหารชีวิตคนดีคนเดียว...”

คำพูดพรั่งพรูเหมือนทำนบแตก.....เทปอัดเสียง ทำหน้าที่ของมันแทบไม่ทัน

“ชีวิตผม เสียเวลาไป 11 ปี....11 ปี เต็ม-เต็ม” เขาเน้นเสียงเข้มข้น ผิดกับการแต่งตัว...ที่ติดดินมากวันนี้
ก่อนจะถึงคำถามที่เราอยากถามมาก ๆ แล้วเขาเชื่อเรื่อง “กฎแห่งกรรม” หรือไม่ ???.

เปิดโลงมาผงะเลย
“ประมาณปลายปี 48 จู่ ๆ ก็มีข่าว จะมีการพระราชทานเพลิงศพพี่ห้างทอง หนังสือพิมพ์ก็ไม่ลง เงียบมาก เราเป็นน้องยังไม่รู้เลย บ้านนี้ก็ไม่รู้จะมีการเผาพ่อเขา ให้คนที่บ้านไปดูที่วัดพระศรีฯ ปรากฏมีการจองศาลาไว้ จองเมรุเผาระบุวันชัดเจนเรียบร้อย ปริญญากับนฤมลไปขอ บอกอะไรต่าง ๆ จบแล้ว ผมไปคุยกับ ท่านแก้วขวัญ พอท่านรู้ความจริง ก็เปลี่ยนกำหนดการ พอผมกลับออกมา น้อง 2 คนก็วิ่งไปหาท่านใหม่ ก็เปลี่ยนกำหนดการอีก

...ผมต้องไปหาศาล ว่าจะมีการทำลายหลักฐาน ที่สุดศาลท่านนัดพร้อม วันที่ 5 เขาจะเผาวันที่ 6 กันยายน ศาลก็มีคำสั่งให้อายัดศพ แต่ยังไม่ได้ให้ผ่าครั้งที่ 3 ผ่านไป 2-3 อาทิตย์ น้องผมไปร้องศาลให้ถอนอายัดอีก.... ที่สุดศาลมีคำสั่งให้ผ่าศพเป็นครั้งที่ 3

ตอนถูกผ่าครั้งที่ 2 เปิดโลงมา ผงะเลย ใส่เสื้อเชิ้ตเหมือนจิ๊กโก๋ ติดกระดุมเบี้ยวเงี้ยะ แค่ 2 เม็ด ตับไตไส้พุง ไปกองอยู่ที่เท้า พาหมาไปหาหมอยังดีกว่านี้เลย ....วิญญาณพี่ห้าง ดลใจ ทีมแพทย์ชุด 3 เอาตับไตไส้พุงเย็บเก็บเข้าไปเรียบร้อยใหม่”

อีกไม่นาน ร่างไร้วิญญาณของ ห้างทอง ธรรมวัฒนะ คงจะได้รับการเผาตามประเพณีทางศาสนาเสียที...และคงจะได้ไปสู่สุคติ....ชั่วนิรันดร์.

ชุติมา บรูณรัชดา/เชาวลีชุมขำ : เรื่อง สุรเชษฏ์ : ภาพ
ที่มา dailynews