เมื่อ "หวัดใหญ่" ระบาดพร้อมกัน 3 สายพันธุ์

ในช่วงฤดูฝนจะมีผู้ป่วยไม่สบายกันมาก บางโรงพยาบาลถึงกับไม่มีเตียงรับผู้ป่วย ผู้ป่วยนอกมากันแน่นโรงพยาบาล ทั้งนี้เพราะทุกปีในช่วงฤดูฝนจะเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัสที่เกี่ยว กับระบบทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสประกอบไปด้วยไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ และชนิด บี สำหรับชนิด เอ ยังแยกสายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกเป็นจำนวนมาก ตามชนิดของฮีมากลูตินิน (Hemagglutinin) ใช้ตัวย่อว่า H และนิวรามินิเดส (Neuraminidase) ใช้ตัวต่อว่า N โดยที่ H ยังแบ่งสายพันธุ์ได้อีกเป็นจำนวนมาก 16 ชนิด คือ H1, H2, H3 … และ N สามารถแบ่งได้เป็น 9 ชนิด ตั้งแต่ N1-N9 ดังนั้นไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ จึงแยกจำนวนสายพันธุ์ได้มากมาย แต่อย่างไรก็ตามไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ที่เป็นปัญหาสำคัญในมนุษย์ได้แก่ ชนิด H1N1, H3N2 และ H5N1 (ไข้หวัดนก) ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลกหรือในประเทศไทยส่วนใหญ่จึงมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ H1N1 (มีทั้งตามฤดูกาลและชนิด H1N1 2009) H3N2 และไข้หวัดใหญ่ชนิด บี

ดังที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าไข้หวัดใหญ่ในประเทศหนาวจะพบมากในฤดูหนาว ในซีกโลกเหนือ เช่นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น จะพบมากในเดือน ธ.ค.-มี.ค. ในซีกโลกใต้ เช่นประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกาใต้ จะพบมากในเดือน มิ.ย.-ก.ย. สำหรับประเทศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย ซึ่งไม่มีฤดูหนาวที่แท้จริง ไข้หวัดใหญ่จะพบมากตลอดทั้งปี โดยมีช่วงการระบาด เป็น 2 ระลอก ในระลอกแรกจะพบมีผู้ป่วยจำนวนมากเกิดขึ้นในฤดูฝนตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย. และในระลอกที่ 2 จะเกิดขึ้นในฤดูหนาวตั้งแต่เดือน ธ.ค.–มี.ค. แต่จะมีผู้ป่วยน้อยกว่าระลอกแรก ดังนั้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาการพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เป็นจำนวนมาก ก็เป็นไปตามฤดูกาลระบาดของไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย

การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี ถึงแม้จะพบได้ทั้ง 3 สายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากไข้หวัดใหญ่ทีละสายพันธุ์ เช่น บางปีเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด บี เป็นจำนวนมาก หรือในปีที่แล้วจะพบไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นจำนวนมาก และชนิดอื่น พบน้อยแต่ในปีนี้การระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในระลอกแรกที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 สายพันธุ์ ทำให้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จำนวนมาก ดูเหมือนกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระบาดในปีที่แล้ว ความรุนแรงและลักษณะอาการของไข้หวัดใหญ่ทั้ง 3 สายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน ลักษณะอาการทางคลินิก แยกจากกันได้ยาก จึงทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง ๆ ที่การระบาด เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 สายพันธุ์ กล่าวคือ ในผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่คือ มีอาการไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการระบบทางเดินหายใจ ปวดเมื่อยตามตัว เมื่อตรวจอย่างละเอียดทางห้องปฏิบัติการจะพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ประมาณร้อยละ 50 ร้อยละ 25 จะเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ H3N2 และ ร้อยละ 25 จะเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด บี ดังนั้นจึงทำให้ดูเหมือนว่าในปีนี้มีการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่

มาตรการในการป้องกันของไข้หวัดใหญ่ควรจะเข้มข้นแบบปีที่แล้ว ทั้งทางด้านสุขอนามัย ล้างมือ เวลาป่วยควรอยู่บ้านและใช้หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ให้การศึกษา เข้าใจถึงวิธีการดูแลรักษา ป้องกันไม่ให้ติดโรค และลดการแพร่กระจายของโรค ปฏิบัติตัวให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอเช่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ พักผ่อนให้เพียงพอ

นอกจากนี้การป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ดังกล่าวสามารถป้องกันได้ด้วย วัคซีน และจากการตรวจสอบสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในปีนี้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีอยู่ใน วัคซีน ดังนั้นวัคซีน จึงมีประโยชน์ในการใช้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ทั้ง 3 ถึงแม้ว่าวัคซีนจะป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ การฉีดวัคซีนแล้วยังต้องปฏิบัติตัวทางด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการระบาดของโรค และผลกระทบในวงกว้างต่อสังคม.

นวพรรณ บุญชาญ :รายงาน
ที่มา เดลินิวส์