แนะวิธีเลือก "ร.ร. นานาชาติ" ให้ตรงใจลูก ถูกใจพ่อแม่

แนะวิธีเลือก "ร.ร. นานาชาติ" ให้ตรงใจลูก ถูกใจพ่อแม่ ถึงแม้จะเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ หลายบ้าน แต่เชื่อได้เลยว่ามีบางบ้านที่ส่งลูกไปเรียนพิเศษ เพื่อให้กับลูกเรียนเสริมในเรื่องที่ไม่เข้าใจ หรือเรียนเนื้อหาวิชาอื่นๆ ไว้ล่วงหน้าก่อนเปิดเทอมใหม่ ซึ่งมีพ่อแม่บางคนก็ปฏิเสธทางเลือกนี้ให้กับลูก โดยจะใส่ใจในการเลือกโรงเรียนให้ลูกตั้งแต่เริ่มแรก เด็กๆ จึงมีเวลาพักผ่อนเที่ยวเล่นในช่วงปิดเทอมกันมากขึ้น แต่กระนั้นการเลือกโรงเรียนให้กับลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เนื่องจากมีโรงเรียนเปิดสอนจนนับไม่ถ้วน

โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย และกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามขึ้นตามมาไม่น้อยเกี่ยวกับการเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับบุตรหลาน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกโรงเรียนนานาชาติที่มีอยู่มากมายในกรุงเทพฯ กว่า 80 โรงเรียน ดังนั้นความเข้าใจระหว่างระบบการศึกษา ภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกที่เติบโตขึ้นในสภาวะแวดล้อมและวัฒนธรรมสองภาษา ตลอดจนการหาแนวทางในการเลือกโรงเรียนที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรใส่ใจเป็นอย่างมาก

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ความพร้อมทางการเงินจะเป็นปัจจัยต้นๆ ในการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ แต่ความพร้อมของเด็กๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วย "พญ.เกศินี โอวาสิทธิ์" กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลสมิติเวช กล่าวสะท้อนมุมมองกับเรื่องนี้ว่า การที่จะทราบว่าเด็กช่วงวัยอนุบาลเหมาะกับการเรียนในโรงเรียนนานาชาติหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน เริ่มจากพัฒนาการของตัวเด็กเองว่า สามารถเข้าใจภาษาและสื่อสารให้คนอื่นทราบสิ่งที่เขาต้องการได้หรือไม่ และเด็กมีทักษะการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างไร

ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อทางโรงเรียนในการเตรียมความพร้อมของคุณครูในการสร้างความเข้าใจกับตัวเด็ก ผู้ปกครองสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ ที่โรงเรียนใช้เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจภาษานั้นได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนั้น ควรดูบริบทของวัฒนธรรมและความต้องการโดยรวมของครอบครัวทั้งหมด ว่าชอบระบบการเรียนการสอนแบบโรงเรียนนานาชาติหรือไม่ ทั้งนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ต้องช่วยเติมเต็มในบางส่วนที่ต้องการเพิ่มจากโรงเรียนด้วยตัวเองด้วยเช่นกัน

"พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็เปรียบเสมือนครูของลูกเหมือนกัน และมีส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าครูที่โรงเรียน เพราะเด็กๆ เรียนรู้ได้ตลอดเวลาไม่เฉพาะในห้องที่โรงเรียนเท่านั้น เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้ทั้งที่บ้าน สนามเด็กเล่น ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือระหว่างเดินทางไปเที่ยว ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรพยายามใช้ทุกวินาทีที่อยู่กับลูกให้เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่มีความสุข สนุก น่าสนใจเพื่อส่งเสริมให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ" พญ.เกศินี กล่าวเสริมคุณพ่อปิ๊บกับลูกชาย


สอดคล้องกับ "ตัน ภาสกรนที" นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และในฐานะเป็นคุณพ่อที่มีลูกชายเรียนอยู่ชั้น ป. 4 โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ ได้เผยมุมมองและแนวคิดในการส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติว่า "อยากให้ลูกกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น เข้าใจพื้นฐานในการเรียนรู้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้มากกว่าการท่องจำ โดยคิดว่าลูกไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง แต่ต้องเป็นคนดี การให้ลูกเรียนรู้จากประสบการณ์แล้วนำมาแบ่งปันกับผู้อื่น และจะไม่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของลูก

"อีกอย่างเรื่องสัดส่วนของเวลาที่ลูกใช้ระหว่างโรงเรียนและบ้านค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ดังนั้น การเลือกโรงเรียนให้ลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยมีหลักเกณฑ์ง่ายๆ แต่ต้องใช้ความใส่ใจและเวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างพิถีพิถัน โดยอาจจะใช้หลักในการเลือก คือ เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป อัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนไม่น้อยหรือมากจนเกินไป คุณภาพของครู สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน และสุดท้ายคือ ระยะทางในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนต้องไม่ไกลเกินไป หรือใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมง" คุณพ่อนักธุรกิจกล่าว

เช่นเดียวกับ คุณพ่อดารา อย่าง "รวิชญ์ เทิดวงส์" กล่าวแสดงความคิดเห็นเสริมว่า ปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากกว่าสมัยก่อนและจะมากยิ่งขึ้นในอนาคต คุณพ่อคุณแม่ควรมีการเตรียมพื้นฐานด้านภาษาที่ดีให้กับลูก และคิดว่าระบบการเรียนของโรงเรียนนานาชาติเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมเมืองไทย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นคนมีระเบียบวินัย มีมารยาท ในขณะเดียวกันก็สอนให้เด็กมีอิสระทางความคิด กล้าแสดงออกในขอบเขตที่เหมาะสม และที่สำคัญเขาจะปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน เกิดความอยากเรียนรู้อยากค้นคว้าเอง ไม่ใช่เรียนด้วยความรู้สึกฝืนใจหรือโดนบังคับจากคุณครูหรือพ่อแม่

อย่างไรก็ดี การศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานในความแตกต่างในด้านต่างๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษา ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนแต่ละแห่ง ก่อนส่งลูกไปเรียน เพราะถ้าหากเลือกโรงเรียนที่ดีให้กับลูกตั้งแต่แรก ลูกจะเรียนได้อย่างเข้าใจและมีความสุข รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาในช่วงปิดเทอมไปนั่งเรียนพิเศษในช่วงเวลาของการพักผ่อน คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์