"ไวรัสโรต้า" อันตรายในบ้านที่อย่ามองข้าม

"ไวรัสโรต้า" อันตรายในบ้านที่อย่ามองข้าม ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาของฤดูฝน ทำให้ทุกบ้านใส่ใจป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากยุงกัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาของการเพาะพันธุ์ยุงที่เป็นพาหะตามแหล่งน้ำขังต่างๆ จนหลงลืมดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยในด้านอื่นๆ เช่น การขับถ่ายที่บางครั้งมีอาการรุนแรงจนกลายเป็นโรคท้องร่วง หลายคนมองว่าเป็นโรคที่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะฤดูร้อน แต่โรคท้องร่วงน่ากลัวกว่าที่คิด เพราะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กเล็กที่ยากต่อการหลีกเลี่ยงและมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

"พญ. ศุภรัตนา คุณานุสนธิ์" กุมารแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี สะท้อนความเห็นว่า จากอุบัติการณ์ทั่วโลก สาเหตุของอาการท้องร่วงที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งในเด็กเล็ก "เชื้อไวรัสโรต้า" นับเป็นเชื้อไวรัสที่พบบ่อยที่สุด ก่อให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับอาการท้องร่วงที่มาจากการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็ยังสามารถเกิดโรคนี้ได้ โดยเฉพาะในอเมริกาที่มีการระบาดของโรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า ซึ่งในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคนี้นับล้านคน แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ มีเด็กเสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ย 100 คนต่อปี และรุนแรงที่สุดทั่วโลกโดยมีเด็กเสียชีวิตถึงปีละล้านคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ของแต่ละพื้นที่ในการรักษาและช่วยชีวิตเด็กไว้ได้มากน้อยแค่ไหน โดยจะเห็นได้ว่าแม้แต่ประเทศที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขและสุขอนามัยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นจากการติดเชื้อไวรัสโรต้าได้ ฉะนั้นทุกคนควรหันมาทำความรู้จักกับไวรัสโรต้าให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับโรคนี้ได้อย่างถูกต้อง

แม้เชื้อไวรัสตัวนี้จะพบมากในช่วงฤดูหนาว แต่ก็ขึ้นอยูกับการดูแลรักษาความสะอาดสุขอนามัย เพราะทุกคนสามารถรับเชื้อได้จากการรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบหยิบสิ่งของเข้าปาก ชอบอมของเล่นที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่ เนื่องจากเชื้อไวรัสโรต้าจะมีชีวิตอยู่ตามวัตถุสิ่งของในอุณภูมิปกติ โดยระยะฟักตัวของโรคนี้จะเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อเกิน 48 ชั่วโมง

"ไวรัสโรต้า เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายมาก เนื่องจากมันชอบแฝงตัวอยู่ตามสิ่งของต่างๆ เช่น ของเล่น ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้นานหลายวัน โดยก่อให้เกิดโรคในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด รวมถึงสัตว์ปีกด้วย ซึ่งจัดเป็น RNA ไวรัส ที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงในเด็กเล็กอายุระหว่าง 3 เดือนไปจนถึง 2 ขวบ" พญ. ศุภรัตนา กล่าว
ขณะเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่บางคนยังนิ่งนอนใจกับอาการท้องร่วงของลูกน้อยคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเด็กในวัย 3 เดือนถึง 2 ขวบ เป็นวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงจากไวรัสโรต้าได้มากที่สุด โดยจะมีอาการไข้ อาเจียน ท้องเสียโดยถ่ายเหลวเป็นระยะ 1-2 วัน ซึ่งมีกลิ่นเหม็นเน่า หรืออาจพบอุจจาระเป็นมูกแต่ไม่มีเลือดปนประมาณ 5-7 วัน

"หากพบปัญหาดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่สามารถรักษาในเบื้องต้นโดยการให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก เพราะขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง แต่หากเกินกว่านั้นควรรีบพาไปพบแพทย์ด่วน เนื่องจากไม่มียารักษาเฉพาะ แต่จะรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น หรือแนะนำให้ชงนมจางลงกว่าเดิม หรือเลือกนมที่ไม่มีแลตโตสให้กับลูก เพราะในช่วงที่เด็กท้องร่วงลำไส้จะลดเอนไซม์ในการย่อยแลตโตสชั่วคราว ในรายที่ท้องร่วงและอาเจียนมากๆ อาจจะต้องนอนเพื่อให้แพทย์ตรวจดูอาการที่โรงพยาบาล 1-2 วัน "

อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพของลูกน้อยให้ปลอดภัยจากโรคท้องร่วงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ กุมารแพทย์จึงฝากเตือนทุกบ้านว่า คุณพ่อคุณแม่จะต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยให้มาก เช่น ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อลูกสัมผัสกับของเล่นหรือสิ่งของของผู้อื่นที่ไม่แน่ใจว่าจะมีเชื้อโรคอยู่หรือไม่ และควรทำความสะอาดของเล่นของลูกเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือช่วยให้ความรุนแรงของอาการลดน้อยลง แม้ว่าปัจจุบันจะมีวัคซีนหยอดเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถลดการติดเชื้อได้หรือลดความรุนแรงของอาการได้ก็จริง แต่ข้อเสียของวัคซีนตัวนี้ก็มีไม่น้อย ทั้งราคาค่อนข้างแพง การใช้วัคซีนจึงอยู่ในวงจำกัด และไม่ได้อยู่ในโปรแกรมของการให้วัคซีนแก่เด็กทั่วประเทศอีกด้วย

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์