อร่อย 'ฉูฉี่ปลาหมอ' รสจัดจ้าน หอมชวนทานบะหมี่เกี๊ยวน้ำฮ่องกง

สัปดาห์นี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปชิมอาหารพร้อม ๆ กันทีเดียว 2 ร้านเลยนะครับ ร้านหนึ่งอยู่กลางใจเมืองส่วนอีกร้านอยู่เลยรังสิตคลอง 5 ไปเล็กน้อยครับ ชื่อว่าร้าน ครัวคนคลอง เมื่อผมเห็นร้าน ผมคิดในใจว่า พาผมมากินอะไร ร้านก็เป็นร้านเล็ก ๆ ด้านนอกมีที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ่อปลา เป็นศาลาเล็ก ๆ ให้นั่ง 2-3 โต๊ะ ส่วนด้านหน้าติดกับถนน ภายในร้านอาหารมีทีวีและมีที่นั่งอยู่ 2-3 โต๊ะ นั่งได้ไม่เกิน 20-30 คนเท่านั้น ไม่รู้เลยว่ารสชาติของอาหารจะอร่อยหรือไม่ แต่คนที่พาผมไปบอกว่า รับรองอาหารอร่อยแน่

เมื่อไปถึง ระหว่างรออาหาร ผมก็นั่งคุยกับนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางพลังงานปรมาณูเพื่อสันติและเป็นนักวิชาการถนอมอาหารซึ่งไปด้วยกัน นั่งคุยกันไป คุยกันมา ไม่นานนักอาหารก็มาเสิร์ฟ สิ่งแรกที่มาใส่จานง่าย ๆ ไม่ได้แต่งให้สวยอะไร นั่นคือ ฉู่ฉี่ปลาหมอ เห็นปลาหมอแล้ว ทำให้นึกถึงสมัยก่อน ปลาหมอตัวใหญ่กว่าฝ่ามือผมอีกนะครับ แต่เดี๋ยวนี้เล็กกว่าฝ่ามือผมอีก แต่อาหารจานนี้มีกลิ่นหอมมาก และที่อร่อย ที่สุด คือ เครื่องแกงที่เขา ทำเอง รสชาติกลมกล่อมมาก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดก็อย่าไปทานนะครับ เพราะรสชาติจัดจ้าน มากครับ

จานต่อมาเป็น กบทอดกรอบ มีหนังติดมาด้วย ทอดมาทั้งตัวเลยครับ ผมชอบมาก เขาคลุกเคล้าด้วยรากผักชี กระเทียมพริกไทย ซอสปรุงรสและเกลือหรืออาจจะใส่น้ำตาลปี๊บด้วยเล็กน้อย อร่อยครับ

หลังจากนั้นมี เนื้อกวางผัดเผ็ด ซึ่งผัดได้ไม่มีน้ำขลุกขลิกเลยครับ แต่ต้องขอตินิดเดียวว่า ความเค็มยังไม่พอ คงเป็นเพราะว่าผมกับคุณพ่อชอบกินเค็มกันพอสมควร อาหารจานนี้ถ้าได้กินเปล่า ๆ จะเผ็ดมากเลยครับ แต่ของกินที่ไม่เผ็ดก็มีนะครับ เป็น ซูเปอร์หมูตุ๋น มาในหม้อเลยครับ ไม่เผ็ดแต่เปรี้ยวจัดจ้านมากครับ

อีกจานหนึ่งเป็น กุ้งผัดน้ำพริกเผา จานนี้ก็ไม่เผ็ดจนเกินไปนักเพราะมีความหวานของน้ำพริกเผา จริง ๆ แล้วผมไม่อยากให้รสชาติหวานขนาดนี้ แต่ด้วยกับข้าวจานอื่น ๆ ที่รสชาติเผ็ดจัดจ้านมาก เลยทำให้ กุ้งผัดน้ำพริกเผาหวานกำลังพอดี และอยากบอกว่าที่ร้านผัดกุ้งได้ดีมาก เขาเอากุ้งไปลวกก่อน เสร็จแล้วก็ผัดเครื่องแล้วเอากุ้งลงไปรวน แล้วก็เอาขึ้นมาครับ

ส่วน ต้มยำไก่บ้าน น้ำใส ๆ แต่รสชาติดีเหลือเกินและมี ลาบลอยคนคลอง เขาทำแบบแปลก ๆ เหมือนไส้กรอกอีสานมากแต่อร่อยครับ ไส้ข้างในทำเหมือนลาบแล้วเอาลงไปทอด ยังมี ลาบเป็ด ทำแบบแห้ง ๆ ใส่ข้าวคั่วมากหน่อยทำให้หอม รสชาติเข้มข้นดีครับ สมกับเป็นลาบของชาวอีสาน

มี ปลากะพงทอดน้ำปลา ด้วยครับ อร่อยเหมือนกันครับ เขามีน้ำยำสำหรับปลากะพงทอดน้ำปลามาให้ด้วยเป็นมะม่วงซอยมีหอมกับพริก ตามมาด้วย หมูแดดเดียว ที่เขาให้มาเคี้ยวเล่นครับ อร่อยดี

ส่วนร้านที่ 2 กลับไปในเมืองกัน ผมได้ไปชิมอาหารที่ร้านนี้เพราะคนที่ชวนผมบอก ว่า เป็นร้านอาหารเหมือนที่ฮ่องกง อยู่ที่สุขุมวิทซอย 26 ซึ่งจะมีศูนย์การค้าที่เรียกว่า เค-วิลเลจ ร้านจะตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้า มีชื่อร้านว่า คิงพาเลซ คอนจี แอนด์ นูเดิลบาร์ ที่นี่เสิร์ฟอาหารฮ่องกงจริง ๆ ครับ อาหารฮ่องกง คือ อาหารที่คนฮ่องกงกินกันเป็นประจำทุกวัน ก็จะมีพวก ห่านย่าง ไก่ซีอิ๊ว หมูสามชั้นกรอบ หมูแดง และเนื้อตุ๋น ผมบอกว่าใครที่มาร้านนี้แล้วไม่สั่งเมนูที่ผมกล่าวถึงจะเสียใจนะครับ

มาที่นี่ต้องมาชิม หมูสามชั้นกรอบ อร่อยเหมือน ที่ฮ่องกงยังไงยังงั้นเลยครับ ส่วน หมูแดงฮ่องกง ผมชอบตรงหมูแดงที่เป็นขอบไหม้ ๆ ที่เหนียว ๆ ซึ่งมีรสหวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยครับ ส่วน ห่านย่าง ต้องเรียนตามตรงว่าห่านของประเทศไทยไม่เหมือนที่ฮ่องกง เพราะของเขาเป็นอีกพันธุ์หนึ่ง แต่รสชาติใช้ได้ครับ

ต่อไปผมได้กิน เนื้อและเอ็นเนื้อตุ๋น และ ไก่ซีอิ๊ว สำหรับไก่ซีอิ๊วของเขานั้นนุ่ม หอม ชวนกินมากครับ สรุปแล้วอร่อยทั้งคู่ครับ มีก๋วยเตี๋ยวหลอด 2 ชนิด แต่ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ผมกิน คือ ก๋วยเตี๋ยวหลอดปาท่องโก๋

นอกจากนี้ยังมี บะหมี่เกี๊ยวน้ำฮ่องกง และมี เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วเนื้อ อร่อยครับ แต่ต้องกินแบบฮ่องกงนะครับ คือ ใช้น้ำมันพริกผัดครับ ทั้งเกี๊ยว บะหมี่และเส้นหมี่ของเขาทำได้ดีมากครับ เหนียว นุ่ม แบบเมืองจีนเลยครับ เส้นจะเล็ก ๆ

ยังมี คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย จานนี้อร่อยมาก ส่วนผมชอบมากที่สุด คือ โจ๊กเนื้อ ครับ เพราะเนื้อนุ่มมากเหมือนละลายในปากเลยครับ ส่วน โจ๊กไข่เยี่ยวม้ากับตับ เขาลวกตับได้หวาน กรอบไม่แข็งเลยครับ ส่วนของหวานเป็น วุ้นนมสดกับซอสมะม่วงไทย ใช้ได้ครับ ใครมีเวลาลองแวะไปชิมกันดูนะครับ อร่อยทั้ง 2 ร้านเลยครับ.

@@@@

เข้าครัวกับหมึกแดง 'เค้กผลไม้'

เครื่องปรุง
-อินทผลัมไร้เม็ด 1 ถ้วยตวง
-วอลนัท 1 ถ้วยตวง
-เชอรี่ในน้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
-แป้งสาลีบัควีท(ทำหน้าเค้ก) 1/4 ถ้วยตวง
-ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง
-น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทรายแดง 1/3 ถ้วยตวง
-เนยจืดนุ่มแล้ว 3 ช้อนโต๊ะ
-วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วยตวง
-กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
-ผิวส้มขูด 1 ช้อนชา
-แป้งสาลีบัควีท 3/4 ถ้วยตวง
-ผงฟู 2 ช้อนชา
-ไข่ขาว 3 ฟอง

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบให้ร้อนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
2. นำแม่พิมพ์มาทาเนยด้านในให้ทั่ว แล้วโรยด้วยแป้งสาลีบัควีทให้ทั่ว แล้วเคาะส่วนที่เหลือออก พักแม่พิมพ์ไว้
3. ในชามผสมใหญ่ ผสมอินทผลัม วอลนัท เชอรี่ในน้ำเชื่อม และแป้งสาลี บัควีทเข้าด้วยกัน พักไว้
4. ในชามผสมอีกใบ ใส่ไข่แดง น้ำตาลทราย ตีให้เข้ากันจนกระทั่งเป็นครีมสีเหลืองอ่อน จากนั้นเติมเนยจืดนุ่มแล้ว วิปปิ้งครีม กลิ่นวานิลลา ผิวส้มขูด ผสมให้เข้ากัน
5. ผสมแป้งสาลีบัควีทกับผงฟูที่ร่อนแล้วเข้าด้วยกัน แล้วนำไปผสมกับส่วนผสม (ในข้อ 4)
6. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู แล้วตักแค่ 1/4 ของจำนวนทั้งหมดลงไป ผสมกับส่วนผสมใน ข้อ 5 แล้วค่อยใส่ไข่ขาวที่เหลือลงไปผสม ทีละ 1/4 ของปริมาณของไข่ขาวทั้งหมด จนกระทั่งหมด
7. นำส่วนผสมที่มีไข่ขาวแล้ว ลงไปผสมกับชามผลไม้ที่เตรียมไว้ ใส่น้ำตาลทรายแดง คนพอเข้ากัน
8. ตักส่วนผสมที่ได้ลงในแม่พิมพ์ให้ทั่ว โดยให้ส่วนผสมพูนขึ้นมาตรงกลางพิมพ์ ปิดหน้าเค้กด้วยกระดาษฟลอยด์ 9. นำเข้าเตาอบ อบประมาณ 40 นาที แล้วเปิดกระดาษฟลอยด์หน้าเค้กออก อบต่ออีก 15 นาที หรือจนกระทั่งสุก 10. นำเค้กออกจากเตาอบ วางไปบนตะแกรง ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงเคาะออก แล้วห่อด้วยกระดาษฟลอยด์เก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2 สัปดาห์

ความรู้คู่ครัว
- ไข่ขาวที่ตีและผสมเข้าไปในส่วนผสมของเค้กนั้น เปรียบเสมือนผงฟู เพราะฟองอากาศในไข่ขาวที่ตีแล้วจะทำให้เค้กฟู และเค้กเบามากขึ้นเวลาอบ.
ที่มา เดลินิวส์