
ทั้งนี้ยังพบด้้วยว่า ผู้เป็นแม่มีแนวโน้มจะจับผิดลูกสาวมากกว่าลูกชายถึงสองเท่า และ 88 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าปฏิบัติต่อลูกทั้งสองเพศแตกต่างกัน ทั้งที่ทราบว่าไม่ควรทำ และมีกว่าครึ่ง (55 เปอร์เซ็นต์) ที่ยอมรับว่ารู้สึกผูกพันกับลูกชายมากกว่า
แถมแม่เกือบครึ่งยังบอกว่า ลูกชายคือลูกรัก ขณะที่ 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่า ลูกสาวเป็นแก้วตาดวงใจของคุณพ่อด้วย
คริสซี ดัฟฟ์ ที่ปรึกษาของเน็ตมัมส์ เตือนว่าทัศนคติดังกล่าวอาจมีผลต่อเด็กผู้หญิงในระยะยาว และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงชอบวิจารณ์ตัวเองมากกว่าผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาอย่างสบายอกสบายใจ ไม่ต้องทุกข์ร้อนใดๆ และมักไม่ยอมรับฟังข้อผิดพลาดของตัวเอง
ผู้เชี่ยวชาญของเว็บไซต์แห่งนี้เสนอแนะเคล็ดลับในการแก้ปัญหาเอาไว้ด้วยว่า คงจะดีหากมีการสลับบทบาท และการเล่นของเด็ก ๆ กันบ้าง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ถึงมุมมองของแต่ละเพศ เช่น ปล่อยให้ลูกสาวได้เล่นรถไฟของเล่น และตัวต่อเลโก้ ขณะที่ลูกชายควรได้เล่นทำกับข้าวบ้าง แทนที่จะขลุกอยู่แต่ในโรงรถ
นอกจากนั้น เธอยังฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่า จะดีกว่าหากปล่อยให้ลูกสาวมีเวลาและพื้นที่ในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกมีความเคารพในตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เข้าไปช่วยทุกครั้งที่พบว่าลูกมีปัญหา
เรียบเรียงจากเดลิเมล