สุยอดผลไม้ 'โกจิเบอร์รี่'

คุณค่าสารอาหารมากที่สุดในโลก

ในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ผลไม้ชื่อ “โกจิเบอร์รี่” หรือ Chinese Wolfberry เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้น เมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริม และเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชั่นนอล ดริ๊งค์ หลายประเภท ทำให้สงสัยว่าโกจิเบอร์รี่คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และทำไมจึงกลายเป็นผลไม้ยอดฮิตที่นำมาบริโภคกันทั่วโลก วันนี้ขอนำเรื่องราวของโกจิเบอร์รี่ ราชินีแห่งเทือกเขาหิมาลัยมาแนะนำให้รู้จักกัน

“โกจิเบอร์รี่” ที่มีถิ่นฐานอยู่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย ถูกค้นพบเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยนักสมุนไพรชาว หิมาลายัน ต่อมาได้รับการถ่ายทอดสู่นักปรุงยาชาวจีน ทิเบตและอินเดีย จากการค้นคว้าและวิจัยของ ดร.เอิร์น เมนเดลล์ พบว่า ผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารแอนติออกซิแดนท์ ที่สามารถขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย ในปริมาณมากถึง 25,300 โอ แรค ขณะที่อันดับ 2 ได้แก่ลูกพรุน มีสารแอนติออกซิแดนท์จำนวน 5,700 โอแรค ผลโกจิเบอร์รี่แต่ละลูกยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด ธาตุอาหาร 21 ชนิด มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีท และมีวิตามินซีสูงมากกว่าผลส้ม

สารต้านอนุมูลอิสระ มีความมหัศจรรย์ในการขับของเสียที่ร่างกายได้รับจากกระบวนการที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาชีวเคมี ทั้ง ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวี เอกซเรย์ สิ่งเหล่านี้เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกายที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะ ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แก่ก่อนวัยอันควร อนุมูลอิสระจะทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็ง และ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่นำไปสู่ขบวนการเกิดโรคมะเร็ง

ผลการศึกษาของ ดร.เอิร์น ยังพบว่าการบริโภคโกจิเบอร์รี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันอย่างเป็นธรรมชาติ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างดีที่สุด ต้องการความสมดุลและสารอาหารที่มาจากธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้สามารถหาได้จากโกจิเบอร์รี่ ขณะที่ ดร.เจมส์ ดุ๊ก นักชาติพันธุ์วิทยา กล่าวว่า โกจิเบอร์รี่ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสมดุล ของภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างการทำงานที่แข็งแรงและเป็นปกติ และยังมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยส่งเสริมและรักษาการทำงานของระบบเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมไปถึงทีเซลล์, ไซโทโทซิค ทีเวลล์, เอ็นเค เซลล์ เป็นต้น โกจิเบอร์รี่จึงถูกนำไปค้นคว้าและพัฒนาในหลากรูปแบบทั้งอาหารเสริม เครื่องดื่ม ส่วนผสมในอาหาร และเครื่องสำอาง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว

อีกหนึ่งความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ ที่เชื่อว่าในอนาคต อันใกล้คนไทยจะรู้จักและได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด กับ “ลูกกุหลาบ” (Rose Hips) เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยในผลสดมีปริมาณวิตามินซี 1,700-2,000 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าสมุนไพรชนิดอื่น ทำให้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ลดภาวะกดดันที่ก่อให้เกิดการออกซิเดชัน เป็นตัวร่วมในการทำงานของเอนไซม์ในกระบวนการสังเคราะห์สารต่าง ๆ ที่สำคัญของร่างกาย และเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างคอลลาเจน โดยใช้วิตามินซีเป็นโคแฟคเตอร์ โกจิเบอร์รี่ และลูกกุหลาบถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในเครื่องดื่มหลายประเภท ซึ่งในอนาคตอันใกล้บ้านเราคงได้ สัมผัสและลิ้มลองกับความมหัศจรรย์ของผลไม้ทั้งสองชนิด ที่จะให้มากกว่าความสดชื่นอย่างแท้จริง.
สุยอดผลไม้ 'โกจิเบอร์รี่'
ที่มา เดลินิวส์