จิตแพทย์แนะวิธีลดเครียดในครอบครัว ช่วงการเมืองร้อนแรง!

จิตแพทย์แนะวิธีลดเครียดในครอบครัว ช่วงการเมืองร้อนแรง!
ภาพและเสียงเหตุการณ์ความรุนแรงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังตึงเครียด ซึ่งมีการนำเสนอทั้งภาพ และเสียงของเหตุการณ์การชุมนุมที่อาจเกิดการปะทะ ใช้ความรุนแรง รวมถึงการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ อาจจะทำให้ทุกครอบครัวผู้บริโภคข่าวสารทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือเว็ปไซต์รู้สึกอินไปกับข่าวนั้นๆ จนเกิดความโกรธ และความเครียดตามมาได้
กับความตึงเครียดดังกล่าวข้างต้นนี้ "นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย" กรรมการผู้จัดการ และจิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า สังคมไทยในปัจจุบันที่กำลังเกิดความขัดแย้งรุนแรง ตึงเครียดจากสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากกำลังใช้ชีวิตด้วยอารมณ์มากกว่าสติ และเหตุผล ถ้าหากผู้คนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเอง และใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา ก็คงเป็นไปได้ยากที่ประเทศไทยจะหลีกพ้นการสูญเสียของทุกคนในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อ มีผู้คนบาดเจ็บ ล้มตาย บ้านเมืองเสียหาย เศรษฐกิจสังคมพังพินาศ คุณภาพชีวิตของคนลดลงไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

นพ.ไกรสิทธิ์ บอกต่อว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่คนไทยทุกครอบครัว ต้องตั้งสติให้ได้ พินิจวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความสุขุมรอบคอบ ต้องมองถึงผลระยะยาวมากกว่าผลระยะสั้นเฉพาะหน้า เรื่องของระบอบการปกครองทางการเมืองเป็นสิ่งที่คู่กับสังคมมนุษย์ ทุกสังคม ทุกยุคทุกสมัย สภาพสังคมของแต่ละประเทศ หรือแต่ละยุคสมัยย่อมมีลักษณะเฉพาะของมันเอง

ดังนั้นระบอบการปกครองที่จะทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขจึงจำเป็นต้องมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ประเทศไทยเราก็มีประสบการณ์ และบทเรียนด้านความขัดแย้งทางการเมืองมาหลายครั้ง และก็ได้ประสบกับความสูญเสียมาหลายครั้งเช่นกัน

"ในแง่ของการเมืองไทยขอให้มองว่า เราทุกคนอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงย่อมมีการขัดแย้งเกิดขึ้นเสมอ ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งถ้าการแก้ไขใช้แต่อารมณ์ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นมาก แต่ถ้าเราใช้สติมากกว่าความเสียหายก็จะมีน้อย ในสังคมประชาธิปไตยแต่ละคนมีอิสระเสรีที่จะคิดอย่างไรก็ได้ ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนที่มีความคิดที่แตกต่างกันได้

โดยเฉพาะความแตกต่างทางด้านความคิด ถ้านำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ก็จะทำให้เกิดการพัฒนา เพราะจะช่วยให้สามารถมองเห็นปัญหาได้ละเอียดลึกซึ้งขึ้น มองเห็นข้อดีข้อเสีย มองเห็นทางเลือกของการแก้ไขปัญหาได้อย่างรอบด้าน แต่ถ้านำเอาความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาใช้อย่างไม่สร้างสรรค์ นั่นก็คือก่อให้เกิดความแตกแยก อารมณ์ขุ่นมัว ไม่พอใจทะเลาะเบาะแว้ง ปะทะกัน ทำลายล้างกัน ทุกคนก็จะพบกับความสูญเสีย" นพ.ไกรสิทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยให้ทุกครอบครัวมีสติ และสามารถดูแลกันและกันได้ รวมทั้งเพื่อลดระดับความเครียดลงไม่ให้ส่งผลร้ายแรงในช่วงการเมืองร้อนแรงที่ประกาศออกมานี้ จิตแพทย์แนะนำว่า ขณะที่ดูภาพข่าว หรือเหตุการณ์นั้นควรจะมีสติ และพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ ควรที่จะฝึกผ่อนคลายจิตใจเพื่อไม่ให้ความเครียด และอารมณ์โกรธเหล่านั้นสะสมจนถึงจุดเดือด

แนวทางปฏิบัติ 7 ประการที่สามารถนำไปใช้เพื่อระงับความเครียดในครอบครัว อันจะนำไปสู่ความโกรธในช่วงที่สถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรง มีดังต่อไปนี้

1. ให้นึกเสมอว่าเรื่องของการเมืองย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยกและเชื่อว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก

2. ควรดูข่าวการเมือง เพื่อให้รู้ความเป็นไปของสถานการณ์ เพื่อความเข้าใจและการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ และมีอารมณ์ร่วมแบบโอเว่อร์มากจนเกินไป

3. เตือนตนเองว่า คนเราในโลกนี้แตกต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่ตัวเราเองก็มีข้อบกพร่อง จะช่วยทำให้เข้าใจถึงสัจธรรมของโลกทำให้โกรธยากขึ้น ให้อภัยได้ง่ายขึ้น

4. คอยเตือนตนเองว่าความโกรธและความเครียดคือการเผาตัวเอง ทำลายสุขภาพตัวเอง พยายามสังเกตอารมณ์ตัวเองให้รู้เท่าทันว่ากำลังเครียด หรือกำลังจะโกรธ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความโกรธได้ง่าย

5. ฝึกชะลออารมณ์โกรธและสลายความเครียดโดยการเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการนับ 1-10 หายใจเข้า – ออก ลึก ๆ ช้า ๆ พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

6. หลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธ เพราะถ้าหากยังอยู่ในสถานที่นั่นอาจจะทำให้ความโกรธถึงจุดเดือด และปัญหาความเครียดก็จะตามมาได้

7. ฝึกให้อภัย และปล่อยวาง

นอกจากนั้น ทุกครอบครัวต้องดูแลสุขภาพกายของตนเองให้ดี ด้วยการรับประทานอาหาร และพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพราะคนที่หิว หรือนอนหลับผักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะเกิดอารมณ์โกรธ โมโห ใช้ความรุนแรงได้ง่าย ถ้าแก้ปัญหาด้วยตนเองแล้วยังไม่ได้ผล ควรขอคำปรึกษาจากคนใกล้ชิดที่มีประสบการณ์ไว้ใจได้ ในบางครั้งถ้าปัญหารุนแรงมาก อาจจำเป็นต้องปรึกษานักจิตวิทยาคลินิก หรือจิตแพทย์ ซึ่งจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้

นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องของการเมืองย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ก็ต้องเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดคือความเครียดจะไปบันดาลโทสะ ทำให้เกิดความรุนแรง ทุกคนจำเป็นต้องตั้งสติ ระงับอารมณ์โกรธให้ได้

ขณะเดียวกันก็ควรต้องเอาใจใส่คนรอบข้าง รวมทั้งเด็กด้วย เช่น การรับชมข่าวสารเหตุการณ์ การดูภาพความรุนแรง ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งภาพและเสียงผ่านสื่อ มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ชมอย่างแน่นอน ทุกฝ่ายจึงควรให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนตั้งสติ เอาใจใส่กัน ช่วยเหลือกัน เพื่อให้สังคมไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยความราบรื่น หรือสูญเสียน้อยที่สุด เพื่อรักษาสังคมที่ดีไว้ให้แก่ลูกหลานไทยของเรา

ที่มา http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000034861