ทำธุรกิจเครื่องดื่มธัญพืช’ เพื่อสุขภาพคือจุดขาย

ทำธุรกิจเครื่องดื่มธัญพืช’ เพื่อสุขภาพคือจุดขาย
เครื่องดื่มธัญพืช’ เพื่อสุขภาพคือจุดขาย

เรื่องสุขภาพยุคนี้เป็นเรื่องที่คนไทยให้ความสนใจและใส่ใจ ดังนั้น อาหารหรือเครื่องดื่มนอกจากจะต้องอร่อยแล้วถ้ามีคำว่า “เพื่อสุขภาพ” พ่วงท้ายด้วย ก็จะจูงใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งการผลิตและจำหน่าย “เครื่องดื่มธัญพืช” ที่ “ช่องทางทำกิน” นำข้อมูลมาเสนอในวันนี้ ก็เป็นอีกกรณีศึกษา...

พัชรีพร วุฒิเทียน หัวหน้ากลุ่มแม่บ้าน “รักสุขภาพ” และเจ้าของเครื่องดื่มธัญพืช “บ้านพัชรี” เล่าว่า เดิมทีทำอาชีพขายเสื้อผ้าส่งที่ประตูน้ำ แต่ด้วยความที่ต้องทำงานมาก ลืมคำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง ร่างกายจึงอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นเหน็บชา รักษาก็ไม่หาย เมื่อได้ไปปฏิบัติธรรมก็นึกถึงคุณย่าที่อายุ 90 กว่าปีแล้ว แต่ไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรคอะไร ภายหลังเสียชีวิตด้วยอายุขัยของตัวเอง ซึ่งคุณย่าชอบทานอาหารพวกธัญพืช

จึงเกิดความคิดว่าน่าจะลองทำ “เครื่องดื่มธัญพืช” โดยเริ่มต้นทำน้ำลูกเดือยดื่มเอง เมื่อร่างกายดีขึ้นก็ลองทำขายด้วย และเพิ่มน้ำข้าวโพด, น้ำนมถั่วเหลืองผสมงาดำ, น้ำข้าวกล้องงอก ในภายหลัง

“น้ำลูกเดือย” การทำเริ่มต้นด้วยการคัดเมล็ดลูกเดือยที่ดีก่อน จากนั้นล้างจนกว่าจะสะอาด ล้างจนน้ำที่ล้างใส แล้วแช่น้ำไว้สักครู่ จะเห็นลูกเดือยที่เสียชัดขึ้น ซึ่งปกติเมล็ดลูกเดือยจะขาว ถ้าพบเมล็ดสีดำก็คัดทิ้ง แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำลูกเดือยไปปั่นแยกกากแยกน้ำ แล้วนำน้ำลูกเดือยที่ปั่นได้ไปต้มควบคุมอุณหภูมิที่ 90 องศา ต้มด้วยหม้อขนาดเบอร์ 40 ควบคุมเวลาประมาณ 15-20 นาที หลังจากนั้นลดอุณหภูมิให้เหลือ 70 องศา แล้วกรอกใส่ขวดพลาสติกขนาด 180 ซีซี เสร็จแล้วใส่ลงในน้ำแข็ง ซึ่งเป็นการทำพาสเจอไรซ์ โดยสัดส่วนของเมล็ดลูกเดือยที่ใช้นั้นคือ 6 กก. ต่อน้ำเปล่า 40 ลิตร และน้ำตาลเล็กน้อยหรือคิดเป็นปริมาณ 3-4% ของส่วนผสมโดยรวม ซึ่งจะสามารถกรอกใส่ขวดขนาด 180 ซีซี ได้ประมาณ 110 ขวด

“น้ำนมถั่วเหลืองผสมงาดำ” การทำเริ่มต้นที่การคัดเมล็ดถั่วเหลืองตามขนาดที่ต้องการ ใช้ถั่วเหลืองซีก เพราะวิตามินยังอยู่ครบ ไม่หายไป ล้างให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง โดยส่วนผสมของน้ำนมถั่วเหลืองผสมงาดำนั้น ใช้ถั่วเหลือง 8 กก., น้ำเปล่า 40 ลิตร, งาดำ 5 กก., น้ำตาล 3-4% ของส่วนผสมโดยรวม หลังจากแช่ถั่วเหลืองแล้ว นำงาดำมาร่อนเอาเศษผงออก แล้วนำสองอย่างมาปั่นรวมกัน จากนั้นแยกกากแยกน้ำและนำน้ำที่ได้มาต้มที่อุณหภูมิ 90 องศา ประมาณ 15-20 นาที พอได้ที่แล้วลดอุณหภูมิลงเหลือ 70 องศา หลังจากนั้นก็บรรจุขวดขนาด 180 ซีซี แล้วทำการพาสเจอไรซ์ สูตรนี้ก็จะได้ประมาณ 110 ขวด

“น้ำข้าวกล้องงอก” นี่ก็เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการมาก สรรพคุณก็เช่น สามารถป้องกันโรคเหน็บชา ลดการท้องผูก ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่ ช่วยลดการสะสมของไขมัน ลดความเครียด เป็นต้น ซึ่งในน้ำข้าว กล้องงอกนี้จะมีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยการทำน้ำข้าวกล้องงอกนี้เริ่มต้นด้วยการทำให้ข้าวกล้องเกิดการงอกเสียก่อน โดยนำข้าวกล้องมาแช่น้ำและปิดฝาให้สนิท หลังจากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงบริเวณจมูกข้าวจะงอก ซึ่งต้องใช้ข้าวกล้องใหม่อายุไม่เกิน 3 เดือน

สูตรส่วนผสมในการทำน้ำข้าวกล้องงอกก็จะมี ข้าวกล้องงอก 2.5 กก., ข้าวเหนียวดำประมาณ 1 กก., งาดำ 1 กก., ถั่วเหลือง 1 กก., น้ำเปล่า 40 ลิตร และน้ำตาลทราย 2% ของส่วนผสมโดยรวม ขั้นตอนการทำก็จะคล้าย ๆ กับการทำน้ำนมถั่วเหลืองผสมงาดำ ซึ่งจะนำส่วนผสมทุกอย่างปั่นรวมกัน ยกเว้นน้ำตาลที่จะใส่ในขั้นตอนสุดท้าย ปั่นส่วนผสมเพื่อแยกกากแยกน้ำ หลังจากนั้นนำน้ำที่ได้มาผสม กับน้ำเปล่าแล้วต้มที่อุณหภูมิ 90 องศา โดยควบคุมเวลาที่ 15-20 นาที แล้ว ลดอุณหภูมิให้เหลือ 70 องศา ใส่น้ำตาล และบรรจุในภาชนะเพื่อทำการพาสเจอไรซ์โดยใส่ลงในน้ำแข็ง จากนั้นก็นำมาบรรจุขวดพลาสติกขนาด 180 ซีซี จะได้ 110 ขวด

ราคาขายของเครื่องดื่มธัญพืชเจ้านี้ อยู่ที่ขวดละ 25 บาท ซึ่งพัชรีบอกว่า ที่อาจจะดูเหมือนว่าขายแพงก็เพราะว่าคัดสรรส่วนผสมทุกอย่างอย่างมีคุณภาพ คัดเองกับมือ ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และในกระบวนการผลิตก็พยายามจะรักษามาตรฐาน ซึ่งแม้ว่าสูตรนี้จะมีต้นทุนสูง ราคาสูงหน่อย แต่ลูกค้าก็ตอบรับดี

เครื่องดื่มธัญพืชนี้ ในการทำขายถ้าใช้เงินลงทุนวัตถุดิบประมาณ 1,500 บาท ซึ่งจะทำได้ประมาณ 110 ขวด หากขายหมดจะมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นค่าแรง ค่าเช่าที่สำหรับขาย 1,250 บาท

ใครสนใจชิม “เครื่องดื่มธัญพืช” เจ้านี้ หรือต้องการรับไปจำหน่ายต่อ ก็สามารถติดต่อ พัชรีพร วุฒิเทียน ได้ที่ 12/103 ถนนรามคำแหง 120 สะพานสูง กรุงเทพฯ 10240 โทร. 08-1622-6326

ขายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ...ยุคนี้อย่ามองข้าม !!.

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70201&NewsType=2&Template=1