จมูกโด่งได้ไร้ซิลิโคนนวัตกรรมใหม่ไม่มีผลข้างเคียง
ศัลยแพทย์ไทยค้นพบนวัตกรรมใหม่เสริมจมูกด้วย การ"เสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน" ระบุไม่มีผลข้างเคียงและยังสามารถแก้ไขปัญหาซิลิโคนทะลุได้ คาดอนาคตจะกลายเป็นที่นิยมของศัลยแพทย์เพราะราคาถูกแถมไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
"สวยด้วยแพทย์" เป็นที่นิยมของคน "รักสวยรักงาม"มานานทศวรรษ และในแต่ละปีจะมีนวัตรกรรมใหม่ๆออกมาให้โลกแห่งพลาสติกได้ฮือฮากันอย่างต่อเนื่องล่าสุดแพทย์ไทยได้ทำการคิดค้นนวัตรกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับการเสริมจมูกโดยใช้เวลาศึกษาและคิดค้นเพื่อหาความลงตัวมานานนับสิบปีทีเดียว
นพ.ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย เจ้าของผลงานเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาการศัลยกรรมพลาสติกโดยเฉพาะการเสริมจมูกได้รับความนิยมอย่างสูงสุด แต่เนื่องจากการศัลยกรรมส่วนใหญ่จะใช้ซิลิโคน เป็นส่วนประกอบสำคัญทำให้บางคนที่เข้ารับการตกแต่งประสบปัญหาต่างๆ อาทิเช่น ซิลิโคนทะลุ บิด เบี้ยว ไม่ได้รูปทำให้เกิดความเจ็บปวดและทรมานให้ผู้ป่วยจำนวนมาก
"ช่วงนั้นผมก็เลยทำการวิจัยคิดค้นหาวิธีที่จะช่วยผู้ป่วยเหล่านั้นโดยยังคงความสวยแต่จะไม่นำสิ่งแปลกปลอมมาใช้กับร่างกายจึงคิดว่าการนำเอาไขมันในตัวของผู้ป่วยมาใช้กับผู้ป่วยคงจะดีกว่าการใช้ซิลิโคน"
จากการทำวิจัยในครั้งนั้น นพ.ชลธิศก็พบวิธีการเสริมจมูกแบบใหม่ที่ทำให้ผู้ป่วยพอใจและยังเป็นการเสริมแต่งที่ไม่ได้สร้างอันตรายใดๆกับผู้ป่วยเลย
นพ.ชลทิศ อธิบายว่า ใช้เวลาหลายปีผมก็พบนวัตรกรรมใหม่ที่ทำให้เราไม่ต้องใช้วัสดุแปลกปลอมสวมใส่เข้าไปในร่างกายนั่นคือ การเสริมจมูกด้วยวิธีปลูกย้ายไขมันตัวเอง (graft) เป็นนวัตกรรมเสริมความงามล่าสุดที่ผมคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำศัลยกรรมจมูกด้วยซิลิโคน ซึ่งที่ผ่านมาปรากฏว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากต้องประสบปัญหาซิลิโคนทะลุ จึงคิดว่าหากเรามีวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้ได้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี
"ผมใช้เวลากว่า 5 ปี ในการคิดค้นหาวัสดุเพื่อใช้ทดแทนซิลิโคน จนมาลงตัวที่การใช้ไขมันในร่างกายมนุษย์ ที่นำมาจากการเจาะไขมันบริเวณสะดือและมีลักษณะเหมือนเอ็นข้อไก่มาใช้เสริมจมูกเมื่อทำการย้ายไขมัน (graft) มาปลูกใหม่บริเวณจมูกเลือดบริเวณจมูกก็จะทำการหล่อเลี้ยงไขมันจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของจมูก ซึ่งกรรมวิธีดังกล่าวไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเพียง 20 นาที เนื่องจากการผ่าตัดต้องทำอย่างรวดเร็วและรอบคอบที่สุดเพื่อลดอาการบอบช้ำของร่างกาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยเช่นกัน "
นพ.ชลทิศ อธิบายต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้ทำการปรับแต่งผู้ป่วยที่ประสลปัญหาซิลิโคนทะลุแล้วกว่า 1000 รายและแต่ละรายจะเกิดความพอใจในนวัตรกรรมใหม่นี้มากกว่าการเสริมจมูกแบบเดิมการทำศัลยกรรมด้วยวิธีดังกล่าวไม่มีผลกระทบและผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากไขมันไม่ใช่สารแปลกปลอมหรือวัสดุสังเคราะห์จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังทำให้รูปทรงของจมูกสวยงามดูเป็นธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย
แม้จะเป็นนวัตกรรมใหม่แต่จากการสอบถาม นพ.ชลทิศ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิธีดังกล่าวพบว่าการเสริมจมูกด้วยวิธีปลูกย้ายไขมันมีสนนราคาที่ไม่ได้แพงไปกว่าการเสริมจมูกแบบเดิมที่ใช้ซิลิโคนเป็นตัวหลัก
สำหรับราคาค่าผ่าตัดเสริมจมูกด้วยนวัตกรรรมใหม่นี้ นพ.ชลทิศ บอกว่ามีราคาถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมจมูกโดยการใช้ซิลิโคน ซึ่งในระยะแรกที่มีการทดลองในโรงพยาบาลศิริราชนั้นจะเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการทางการแพทย์สามพันบาท แต่ปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มมากจึงคิดในราคา 8000 - 15000 บาท
นพ.ชลทิศ อธิบายถึงผลดี ผล เสียเปรียบเทียบกับการเสริมจมูกแบบปลูกย้ายไขมันและการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนว่า การปลูกย้ายไขมันเป็นการนำชิ้นส่วนของร่างกายของผู้ป่วยมาใช้กับตัวเองจึงไม่มีผลเสียใดๆแต่สิ่งที่พบมากในระหว่างการทดลองระยะคือการฝ่อของไขมันทำให้ได้รับผลดีน้อยแต่หลังจากที่มีการปรับปรุงพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับสิบปีปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็หมดไป ในขณะที่การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะเกิดปัญหาการทะลุของซิลิโคนมากที่สุดเพราะบางคนมีผวหนังบาง เนื้อจมูกน้อยเมื่อเสริมซิลิโคนเข้าไปนานวันเข้าก็จะเกิดการทะลุได้
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน นพ.ชลทิศ ได้พยายามถ่ายทอดความรู้ที่คิดค้นขึ้นได้นี้ให้กับศัลยแพทย์ในหลายๆแห่งโดยหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้การเสริมจมูกด้วยวิธีการปลูกย้ายไขมันจะได้รับความนิยมมากขึ้น
"ขณะนี้วิธีเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมันยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้างแต่นับเป็นความก้าวหน้าของวงการแพทย์ไทยที่อาจส่งผลให้จุดประกายแนวคิดใหม่ๆ สำหรับ การทำศัลยกรรมในประเทศไทย ตลอดจนกระตุ้นให้แพทย์ไทยเร่งพัฒนาผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาประเทศต่อไป " นพ.ชลทิศ กล่าวในที่สุด
ที่มา
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์
http://www.managerweekly.com/
